คนไทยกำลังรอวัคซีน...แต่ไม่รู้ว่าชุดแรกจะมาจากไหนและมาถึงเมื่อไหร่...อีกทั้งไม่แน่ใจว่าจะแจกจ่ายอย่างไร และใครจะได้ฉีดก่อนฉีดหลัง
เป็นการทดสอบความสามารถในด้านการบริหารของรัฐบาลอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องใหม่และมีปัจจัยความไม่แน่นอนสูง
อีกทั้งกระบวนการตัดสินใจของรัฐบาลไทยยังต้องมีการบูรณาการให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ผ่านมา
ภาษาอังกฤษมีสองคำที่เกี่ยวกับ "ประสิทธิภาพ" ในกรณีนี้
คำแรกคือ Efficacy แปลว่าประสิทธิผล
คำที่สองคือ Efficiency แปลว่าประสิทธิภาพ
ความหมายคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน
คำแรก (Efficacy) ใช้กับประสิทธิผลของวัคซีนว่าจะมีผลช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิดได้มากน้อยเพียงใด
ที่ออกมาเป็นตัวเลขตั้งแต่ 50% ถึง 90% แล้วแต่จะทดลองถึงขั้นตอนไหน ทดลองกับประชากรหมู่ใด และใช้วิธีการประเมินอย่างไร
คำที่สอง (Efficiency) หมายถึง "ประสิทธิภาพ" ของคนที่จะต้องบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
เป็นการระบุถึงความสามารถของมนุษย์ ในการจัดการให้วัคซีนเข้าถึงคนที่ต้องการได้เร็วที่สุดและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ในความเป็นจริง ประสิทธิภาพตัวที่สองนี้สำคัญกว่าประสิทธิผลตัวแรกด้วยซ้ำ
เพราะแม้ว่าตัววัคซีนจะมี Efficacy สูงเพียงใด แต่ถ้า Efficiency ของคนที่บริหารจัดการต่ำ ไม่สามารถจะให้คนที่ควรจะได้รับการฉีดมีจำนวนมากพอในช่วงเวลาที่เหมาะควร ก็จะไร้ประโยชน์
แม้จะได้วัคซีนอย่างดีมา ส่งมาตรงเวลา แต่หากการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ดีพอ ผลที่ออกมาก็จะไม่ได้ตามเป้าหมายอยู่ดี
เช่น เดิมมีการออกข่าวว่าคนไทยจะได้ฉีดวัคซีนโดสแรกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ แต่ผ่านไปสองสามวันก็ออกข่าวว่ามีปัญหาการรับวัคซีนจาก AstraZeneca เพราะเขามีปัญหากับสหภาพยุโรป
ไปๆ มาๆ ก็ไม่รู้ว่าวัคซีน AstraZeneca จะมาถึงไทยชุดแรกเมื่อไหร่
และหาก Sinovac ของจีนมาถึงก่อน แต่ยังไม่แน่ใจในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัย (เพราะยังไม่ผ่าน อย.ของไทย) ก็ไม่แน่เช่นกันว่าจะฉีดวัคซีนจากจีนก่อนหรือไม่อย่างไร
อีกทั้งยังมีคำถามว่านอกจาก AstraZeneca แล้ว ทางการไทยมีช่องทางอื่นที่จะได้วัคซีนมาเสริมหรือไม่อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น Pfizer หรือ Moderna หรือแม้แต่ของ Johnson & Johnson ที่เพิ่งมีข่าวคราวออกมาว่ากำลังอยู่ในกระบวนการทดลองที่ได้ผลดีในระดับหนึ่ง
อีกทั้งก็ยังไม่มีตารางเวลาที่แน่นอนสำหรับการผลิตโดยบริษัท Siam Bioscience ของไทยเราที่มีข้อตกลงกับ AstraZeneca และมหาวิทยาลัย Oxford ที่จะเป็นศูนย์การผลิตเพื่อใช้กับคนไทยและแจกจำหน่ายไปยังเพื่อนบ้าน
การเผยแพร่ข้อมูลของประเด็นต่างๆ เหล่านี้ต่อประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตรงไปตรงมา และฟังความคิดเห็นของผู้คนในกลุ่มต่างๆ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะในภาวะของโรคระบาดเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าวัคซีนคือ "ความมั่นใจ" และ "ความเชื่อถือ" ในข้อมูลของทางการที่จะต้องชัดเจนและสามารถสกัดข่าวปลอมข่าวปล่อยและข่าวลือต่างๆ ที่ออกมามากมายหลายแหล่ง
ยิ่งเมื่อเพื่อนบ้านเราเริ่มฉีดวัคซีนกันแล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังรอโดยไม่รู้กำหนดเวลาที่แน่นอน ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันมาที่รัฐบาลหนักยิ่งขึ้น
ภาพของผู้นำสิงคโปร์และอินโดนีเซียฉีดวัคซีนออกทีวีให้ได้เห็นกันชัดๆ ทำให้ไทยถูกมองได้ว่าเรายังช้ากว่าเพื่อนบ้าน
สองประเทศนี้มีความต่างกันตรงภูมิศาสตร์และจำนวนประชากรอย่างมาก...แต่ทั้งสองผู้นำก็สื่อสารให้ประชาชนของตนได้รับรู้ตลอดเวลา
เป็นการทดสอบ "ประสิทธิภาพ" ของผู้นำ...มากกว่า "ประสิทธิผล" ของวัคซีนแล้ว!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |