'จตุพร' ตีแสกหน้าฝ่ายปชต.ไทย-พม่า ไม่ต่างกัน พอมีอำนาจไม่เคยทำเพื่อประชาชน


เพิ่มเพื่อน    

2 ก.พ.64 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk กล่าวถึงรัฐประหารในพม่า ว่า ถ้าพม่ายืนหยัดการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องจะมีความน่ากลัวและประเทศจะมีความแข็งแรงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นักลงทุนจะเข้าลงทุนมาก เพราะมีทรัพยากร ที่อุดมสมบูรณ์หลากหลาย การท่องเที่ยวจะเติบโต ตื่นตาในสถานที่มากมายไว้รองรับ แรงงานพม่าในไทยจะกลับไปทำงานในประเทศแทน ไทยจะได้รับผลกระทบและเดือดร้อน  

เมื่อ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเป็นผู้นำเบื้องหลังการยึดอำนาจ บอกจะคืนอำนาจกลับคืนใน 1 ปีนั้น คงเชื่อได้ยาก เป็นเพียงกลไกผ่อนคลายของทหารพม่าเท่านั้น ทหารจะอยู่นาน ไม่แตกต่างจากการยึดอำนาจของไทยเช่นกัน สัญญาอยู่ไม่นาน แต่ 7 ปีแล้วยังอยู่อีก รัฐที่มาจากประชาชนจากเลือกตั้ง ไม่ได้ปลูกฝังจิตวิญญาณประชาธิปไตย จึงปกป้องประชาธิปไตยไว้ไม่ได้  นางอองซาน ซูจี เมื่อมีอำนาจ แต่ต้องแลกกับอะไรมากมายเพื่อการเมืองในประเทศ กรณีชาวโรฮีงญา ทำให้เสียรังวัดกับนานาชาติไปมาก แต่ซูจีก็ยอมต้องแลก 

นายจตุพรกล่าวว่า ไทยขณะนี้ เป็นประชาธิปไตยปลอมๆ แต่พม่าเป็นเผด็จการจริงไปแล้ว ไทยไม่เคยได้ประชาธิปไตยจริง 100% เลยสักครั้งเดียว ไทยกับพม่าก็มีลักษณะเดียวกัน แค่อธิบายต่างกันเท่านั้น รวมทั้งเมื่อได้ประชาธิปไตยแล้ว แต่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน จึงทำให้เผด็จการแทรกได้เสมอ ไทยถูกยึดอำนาจมาแล้ว 13 ครั้ง ไทยกับพม่ามีเสียงเลือกตั้งถล่มทลาย เมื่อถูกยึดอำนาจก็ไม่สามารถปกป้องประชาธิปไตยได้ เกิดจากเมื่อเป็นใหญ่ไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยไปเกื้อหนุนประชาชนให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ประชาชนจึงไม่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและส่วนร่วม วันนี้ไทยจึงไม่ไปไหนได้ไกล สาเหตุสำคัญเป็นเพราะการเมืองไร้เสถียรภาพ ซึ่งเกิดจากการเมืองไม่ได้ทำเพื่อประชาชนแท้จริง 

ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับพม่า คงจะสะท้อนเตือนถึงความรู้สึกของไทยได้ วันนี้เราควรคิดอ่านกันว่า อะไรจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และมีค่ามากที่สุดของประเทศ เราต้องไม่มีค่าเพียงแค่กาบัตรเลือกตั้ง เพราะการเมืองจะไม่เห็นหัวประชาชนเลย ดังนั้น เราจึงต้องคิดถึงประชาธิปไตยที่เป็นจริง ที่กินได้ และเพื่อประชาชน ถ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นแค่ ประชาธิปไตยจอมปลอม 

เมื่อนักการเมืองส่งไม้ต่อให้เผด็จการ เท่ากับไม่เห็นคุณค่าประชาชน เราจึงไม่มีเสียงถล่มทลายออกมาปกป้องประชาธิปไตย  เนื่องจากฝ่ายประชาธิปไตย รวมทั้งนักการเมืองมักเจอข้อหาทุจริตให้ทหารเข้ามายึดอำนาจทุกครั้ง ดังนั้น ไม่ว่าเผด็จการหรือประชาธิปไตยของทั้งพม่ากับไทยนั้น คือ การทุจริต ไม่มีอะไรทำเพื่อประชาชน และประชาธิปไตยมีไว้เพื่ออธิบายเท่านั้น แม้วันนี้ เราอยู่อย่างลำบากในสถานการณ์โควิด แต่ถ้ารัฐไม่เปลี่ยนวิธีคิดเราก็ต้องอยู่กันไป ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเมื่อช่วยประชาชนไม่ได้ รัฐบาลเอาแต่สร้างกลเม็ดทางการเมือง ก่อเรื่องให้ประชาชนวุ่นวาย ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นแทน ทำให้รัฐได้อยู่กันไป เป็นแค่แท็กติกการเมืองเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างไร ถ้าประชาชนไร้ทางออกแล้ว  

"ควรต้องคิดกันใหม่ว่า เราจะสร้างประเทศกันใหม่อย่างไร โดยให้ฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อได้อำนาจแล้ว ต้องมุ่งมั่นมาสร้างความแข็งแรงให้ประชาชนและประชาธิปไตย ฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อมีอำนาจ ทั้ง 2 ประเทศไม่แตกต่างกัน เพราะไม่สร้างความแข็งแรงให้ประชาธิปไตย แต่เอาไปสร้างความแข็งแรงให้ตัวเอง เชื่อว่า เมื่อนักการเมืองทำเพื่อประชาชนแท้จริงแล้ว ประชาธิปไตยจะแข็งแรง และประชาชนจะออกมาปกป้องประชาธิปไตย ดังนั้น ประชาชนจะชนะอย่างแท้จริง สามารถลืมตาอ้าปากได้ ทุนผูกขาดย่อมไม่มีความหมายใดๆ สิ่งนี้ต้องคิดอ่านกัน โดยประชาชนต้องเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเอง "


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"