2 ก.พ.2564 นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 484.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.17 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 254.75 ล้านบาท
โดยในปี 2563 บริษัทฯมีรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 555.26 ล้านบาท จาก 1,421.19 ล้านบาท เป็น 1,976.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.07 เนื่องจาก รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 509.83 ล้านบาท จาก 1,282.93 ล้านบาท เป็น 1,792.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.74 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นจาก 53,192.02 ล้านบาท/วัน เป็น 68,606.91 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.98 และ สัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33.72 เป็น ร้อยละ 43.66 อันเป็นผลให้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 17,936.58 ล้านบาท/วัน เป็น 29,956.10 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 67.01 และ รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 45.43 ล้านบาท จาก 138.26 ล้านบาท เป็น 183.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.86
ในขณะที่ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 64.97 ล้านบาท จาก 74.12 ล้านบาท เป็น 139.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 87.66 เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 45.45 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 21.30 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลงเล็กน้อย 1.78 ล้านบาท รายได้อื่นลดลง 205.34 ล้านบาท จาก 907.61 ล้านบาท เป็น 702.28 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 22.62 เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 138.69 ล้านบาท กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ลดลง 15.67 ล้านบาท และรายได้อื่นลดลง 50.98 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 133.29 ล้านบาท จาก 2,084.44 ล้านบาท เป็น 2,217.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.39 เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 214.56 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 37.30 ล้านบาท และหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับลดลง (ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น) 0.82 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 88.37 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 29.89 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในงวดปัจจุบัน บริษัทมีรายการโอนกลับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ค่าใช้จ่ายลดลง) จำนวน 1.13 ล้านบาท ทั้งนี้ รายการผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เป็นผลมาจากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 “เครื่องมือทางการเงิน” ซึ่งเป็นมาตรฐานฉบับใหม่ มาถือปฎิบัติในงวดปัจจุบัน นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานของปีก่อนได้รวมต้นทุนบริการในอดีตจำนวน 39 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 51.90 ล้านบาท จาก 63.73 ล้านบาท เป็น 115.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.44 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานในปีเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 90.17
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |