เรืออากาศตรีไปร่วมงานฉลองปริญญา ขับรถเห็นด่านแต่ไม่เห็นคน พุ่งชน ด.ต.ร่างกระเด็น จับวัดแอลกอฮอล์สูงปรี๊ดถึง 256 มก./เปอร์เซ็นต์ บิ๊กแป๊ะสั่งกำลังพลทบทวนการตั้งด่าน ลบความสูญเสีย 

    เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ ร.ต.อ.ธรรมปกร ธำรงค์ปัทมะ รอง สวป.สน.ทุ่งสองห้อง นำกำลังตั้งด่านเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรม บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะซอย 6 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ได้มีรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ญญ 2272 กรุงเทพมหานคร ขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชน ด.ต.ศักดา ชาปู่ ผู้บังคับหมู่ ป. สน.ทุ่งสองห้อง ทำหน้าที่สังเกตการณ์เฝ้าระวัง ตรวจสอบรถที่เข้ามาที่ด่าน เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง จนหมดสติ ถูกนำส่ง รพ.ตำรวจ ส่วนคนขับรถยนต์คันดังกล่าว ทราบชื่อคือ เรืออากาศตรีธนพล ทองคำ อายุ 32 ปี สังกัดกรมทหารสื่อสารกองทัพอากาศ สภาพรถยนต์กระโปรงหน้ายุบ กระจกบานหน้าแตก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนและตรวจวัดแอลกอฮอล์ พบแอลกอฮอล์สูงถึง 256 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดคือไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

    จากการสอบสวน เรืออากาศตรีธนพลให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มางานเลี้ยงฉลองเรียนจบปริญญากับเพื่อนที่ ป.กุ้งเผา สาขาหลักสี่ หลังกินเลี้ยงเลิกได้ขับรถยนต์กลับบ้านที่ดอนเมือง ขณะเดียวกันเพื่อนที่มาสังสรรค์ด้วยกันโทร.ตามให้กลับมารับที่ร้าน จึงวนรถกลับไป ขณะที่กลับรถใต้สะพานข้ามแยกหลักสี่ เห็นมีสัญญาณไฟของด่านตั้งอยู่ แต่มองไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ จึงขับรถพุ่งชนเต็มแรง

    ด้าน ร.ต.อ.ธรรมปกรเปิดเผยว่า เบื้องต้น ด.ต.ศักดาอาการปลอดภัยแล้ว มีศีรษะแตก ต้องนอนรอดูอาการที่ศีรษะอีกครั้ง ส่วนผู้ต้องหาเบื้องต้นแจ้งข้อหาขับรถยนต์ขณะเมาสุรา และข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หากแพทย์ระบุอาการสาหัสก็สามารถแจ้งความเพิ่มเติมต่อไป

    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว กำชับให้ผู้บังคับบัญชาช่วยเหลือดูแลสวัสดิการต่างๆ อย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดข้อบกพร่อง ขณะเดียวกันได้สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศให้ทบทวนยุทธวิธีต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านหรือจุดตรวจในเวลากลางคืน ต้องหมั่นทบทวนและเพิ่มยุทธวิธีการตั้งด่านให้มากขึ้น ในกรณีที่ปฏิบัติอยู่ พบเห็นความผิดปกติของรถที่ขับขี่มาด้วยความไม่ปลอดภัย หรือเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้หลบหลีกเข้าที่ปลอดภัย และให้จดจำลักษณะของรถ สี ยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียนคันดังกล่าว เพื่อติดตามและดำเนินคดีในภายหลังต่อไป ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มแสงสว่างและป้ายเตือนต่างๆ ให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด.