สนช.ชู 3 ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาพิพาทคนกับลิงในพื้นที่วิกฤติ 12 จังหวัด ศึกษาธรรมชาติบนเกาะห่างไกล 191 แห่ง สร้าง “นิคมลิง” รองรับลิงส่วนเกิน ลิงเกเร จัดการภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “ประชาชนสุขใจ ลิงปลอดภัย อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน”
ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามกลไกการปกป้องคุ้มครองสัตว์ ได้เปิดเผยถึงรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการศึกษาวิจัยในมิติต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง พบว่าปัญหาพิพาทระหว่างคนกับลิง รวมทั้งความเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากลิงในปัจจุบัน ได้แผ่ขยายไปในหลายพื้นที่มากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ แต่ในพื้นที่ที่ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติและจำเป็นจะต้องมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยทันที มีอยู่ทั้งสิ้น 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลพบุรี กระบี่ ชลบุรี ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ภูเก็ต มุกดาหาร สตูล สระบุรี อำนาจเจริญ และเขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งในรายงานฉบับนี้ได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์ 9 กลยุทธ์ และกิจกรรมหลักในด้านต่างๆ ที่แต่ละจังหวัดจะต้องนำไปเร่งรัดดำเนินการตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประชาชนสุขใจ ลิงปลอดภัย อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน”
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า แม้ว่าลิงจะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่การแก้ไขปัญหาลิงมีความจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการจากทุกภาคส่วน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาลิงที่จังหวัดลพบุรีเป็นแห่งแรก ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกับทุกหน่วยจัดทำ “แผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในจังหวัดลพบุรีอย่างยั่งยืน” ขึ้น และได้ส่งมอบแผนให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเพื่อนำไปขับเคลื่อนตั้งแต่ 24 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา
“อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการฯ พบว่าปัญหาพิพาทระหว่างมนุษย์กับลิงนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในจังหวัดลพบุรีเท่านั้น แต่ได้กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ในภาวะวิกฤติกระจายตัวอยู่ใน 12 จังหวัด ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากลิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่ลิงทำร้ายร่างกายและแย่งชิงทรัพย์สิน หรือบุกเข้าไปยังบ้านเรือน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งของเครื่องใช้ บางส่วนก็ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนที่เคยอยู่อาศัยหรือทำมาค้าขาย นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่มนุษย์ โดยเฉพาะจากการสัมผัสและการอยู่ใกล้ชิดกับลิง ในขณะเดียวกันก็มีลิงเป็นจำนวนไม่น้อยที่มักจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำร้ายจากผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ถือเป็นข้อพิพาทระหว่างคนและลิงที่จะต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วนทั้งสิ้น”
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวด้วยว่า จากการสำรวจของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จนถึงขณะนี้พบว่ามีลิงอยู่ไม่น้อยกว่า 100,000 ตัว โดย “ลิงแสม” เป็นลิงที่สร้างปัญหารบกวนประชาชนมากที่สุด โดยเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ลิงและคนเริ่มมีข้อพิพาทและมีปัญหาความเดือดร้อนรำคาญต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากลิงนั้น ก็สืบเนื่องมาจากที่อยู่อาศัยตามตามธรรมชาติเดิมของลิงถูกรุกล้ำหรือคุกคาม โดยเฉพาะการสร้างที่อยู่อาศัยหรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในรูปแบบต่างๆ บางพื้นที่ก็เป็นลักษณะพื้นที่ที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติเดิมของลิง ถูกล้อมรอบหรือทับซ้อนด้วยพื้นที่ของชุมชน มีผลทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีอาหารตามธรรมชาติเพียงพอ ลิงต้องเข้าไปในชุมชนเพื่อหาอาหาร มีการเข้าไปรื้อหรือทำลายทรัพย์สินในบ้านเรือน หรือบางครั้งก็มีการทำร้ายคนด้วย โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีการให้อาหารลิงจนทำให้พฤติกรรมของลิงเบี่ยงเบนไป และที่สำคัญคือจำนวนประชากรของลิงที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกพื้นที่ ซึ่งมีผลทำให้การควบคุมดูแลเป็นไปได้โดยยาก
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติทั้ง 12 จังหวัดดังกล่าว คณะอนุกรรมการฯ ได้นำเสนอยุทธศาสตร์สำคัญขึ้น 3 ยุทธศาสตร์ เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการให้ได้ผลโดยเร็ว ได้แก่ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการลิง ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการถิ่นที่อยู่อาศัยของลิง และยุทธศาสตร์การบูรณาการแก้ปัญหาลิง โดยในแต่ละยุทธศาสตร์จะประกอบด้วยกลยุทธ์และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมประชากรลิงด้วยการทำหมัน การฟื้นฟูระบบนิเวศเดิมให้ลิงสามารถอยู่ได้ในถิ่นฐานเดิม การจัดทำฐานข้อมูลในการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพลิง รวมทั้งการนำองค์ความรู้ในการลดปัญหาและข้อพิพาท เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและนำไปปฏิบัติ เช่น การให้อาหารลิงในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น เป็นต้น
สำหรับแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างนิคมลิง เพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับลิงบางส่วนที่จำเป็นจะต้องย้ายออกมาจากพื้นที่ในขณะนี้ จังหวัดกระบี่ ตรัง สตูล ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และภูเก็ต มีเกาะตามธรรมชาติที่อยู่ห่างไกลชายฝั่งรวมทั้งสิ้น 191 เกาะ ซึ่งจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับปัจจัยความพร้อมของระบบนิเวศที่ลิงจะสามารถอยู่อาศัยได้โดยด่วนต่อไป โดยมีการพิจารณาทั้งในเรื่องของพืชอาหาร แหล่งน้ำ แหล่งหากินทางทะเล และปัจจัยคุกคามการดำรงอยู่ของลิงอันเกิดจากมนุษย์และสัตว์ป่า ซึ่งจังหวัดภูเก็ตได้ทำการศึกษาเสร็จสิ้นไปแล้ว 5 เกาะ ได้แก่ เกาะงำ เกาะปายู เกาะมาลีหรือมะลิ เกาะแพ และเกาะทะนาน ส่วนที่จังหวัดสตูลก็ได้ดำเนินการสำรวจแล้วที่เกาะโกยใหญ่ โดยเกาะทุกแห่งที่ผ่านการสำรวจแล้วสามารถนำไปสร้างนิคมได้ต่อไป ส่วนจังหวัดลพบุรีซึ่งไม่มีพื้นที่เกาะก็ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้พื้นที่บริเวณเขาพระยาเดินธง เขาสมโภชน์ และเขาเอราวัณ เพื่อสร้างเป็นนิคมลิงต่อไป
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ในวันพุธที่ 16 พ.ค.นี้ จะมีการสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาปกป้องคุ้มครองสัตว์ จะเข้าร่วมสัมมนากับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 12 จังหวัด รวมทั้งผู้บริหารของกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมปศุสัตว์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหา เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในการนำแนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ ตามที่คณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำขึ้นไปปฏิบัติให้บังเกิดผลโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาพิพาทระหว่างคนกับลิง และปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ จะลุกลามขยายตัวออกไปจนไม่อาจควบคุมได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |