จับหัวหน้าแก๊งยากูซ่าวัย 72 ปี หนีคดีฆ่าคนตาย ขู่กรรโชกจากญี่ปุ่นเข้ามากบดานที่ลพบุรีกว่า 10 ปี อยู่กินกับเมียไทยก่อนจะเลิกกัน พลาดท่าเพราะโชว์ลายสักทั่วตัวให้ชาวบ้านดูจนมีผู้ถ่ายรูปไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กแล้วทางการญี่ปุ่นจำได้ เผยเป็นแก๊งใหญ่สุด มีสมาชิกกว่า 2 แสนคน ทุกคนต้องตัดนิ้วก้อยซ้ายทิ้งเป็นสัญลักษณ์
    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มกราคมนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำคณะเดินทางไปยัง สภ.เมือง จ.ลพบุรี เพื่อร่วมสอบปากนายชิเกฮารุ ชิเรอิ อายุ 72 ปี สัญชาติญี่ปุ่น หัวหน้าแก๊ง "ยามากูชิ กูมิ" แก๊งยากูซ่าอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น ที่หลบหนีเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทยกว่า 10 ปี หลังร่วมกับพวกก่อคดีฆ่านายคาซิฮึโกะ โอโตเบะ รองหัวหน้าแก๊ง “คามิยะ” แก๊งคู่อริเมื่อปี 2546 
    นายชิเกฮารุ ชิเรอิ ถูกตำรวจจังหวัดลพบุรีจับกุมเมื่อเย็นวันพุธที่ผ่านมา ขณะเล่นหมากรุกอยู่ในสวนสาธารณะในอำเภอเมืองลพบุรี โดยทางการประเทศญี่ปุ่นอยู่ระหว่างติดตามตัวนายชิเกฮารุที่ก่อคดีฆ่าคนตายแล้วหลบหนีออกนอกประเทศ โดยไม่ทราบว่าอยู่ที่ประเทศใด จนต่อมาเมื่อกลางปี 2560 ทางการญี่ปุ่นได้เบาะแสนายชิเกฮารุว่าหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย และมีภรรยาเป็นคนไทย จึงประสานมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามตัว ก่อนที่ชุดสืบสวนกระจายกำลังลงพื้นที่เร่งหาเบาะแส จนทราบว่านายชิเกฮารุหลบอยู่ในในพื้นที่จังหวัดลพบุรี จึงได้วางแผนและจับกุมตัวได้ที่บริเวณศาลลูกศร ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี ในข้อหา เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นคนต่างด้าวไม่แจ้งที่พักอาศัยของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นำตัวนายชิเกฮารุส่ง สภ.ท่าหินดำเนินคดี และประสานสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อดำเนินการต่อไป
    ทั้งนี้ เบาะแสที่ทางการญี่ปุ่นใช้เป็นแนวทางสืบสวนหาตัวนายชิเกฮารุ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนสิงหาคม 60 มีผู้โพสต์ภาพนายชิเกฮารุลงเฟซบุ๊ก เปลือยร่างโชว์รอยสักทั่วตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยชื่นชมว่าเป็นรอยสักที่สวยงาม ทว่าทำให้เจ้าหน้าที่จำได้ว่านี่คือนายชิเกฮารุ
    ตำรวจระบุว่า แก๊งยามากูชิ กูมิ มีสมาชิกเป็นแสนคน ซึ่งแต่ละคนจะต้องถูกตัดนิ้วก้อยข้างซ้ายเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งนายชิเกฮารุเป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งที่ดูแลเรื่องการเงิน เปิดบริษัทเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนบังหน้า เพื่อกรรโชกทรัพย์จากประชาชนนำเงินเข้าแก๊ง จนถูกตำรวจญี่ปุ่นและตำรวจสากลออกหมายจับในข้อหาขู่กรรโชก ฉ้อโกงทรัพย์ และความผิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีเหยื่อถูกหลอกกว่า 600 ราย รวมความเสียหายกว่า 170 ล้านบาท ก่อนที่ตำรวจจะบุกค้นบริษัทที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคมปี 2558 สามารถจับกุมสมาชิกแก๊งได้ 36 คน ส่วนนายชิเกฮารุหลบหนีเข้าไทยเมื่อปี 2548 และแต่งงานกับหญิงไทย 
    มีรายงานด้วยว่า ระหว่างที่หลบซ่อนอยู่ในไทย สมาชิกในแก๊งได้ส่งเงินให้นายชิเกฮารุใช้เป็นประจำ ขณะที่คนไทยที่รู้จักนายชิเกฮารุมักพบชาวญี่ปุ่นผู้นี้เล่นหมากรุกกับคนไทยแทบทุกวัน โดยไม่มีใครทราบว่าเป็นถึงหัวหน้าแก๊งยากูซ่า และเรียกนายชิเกฮารุว่า “โกโบริ” ส่วนชีวิตครอบครัว ระยะหลังทราบว่าเลิกกับภรรยาชาวไทยและไปอาศัยอยู่ในที่พักสายตรวจเก่า
    ภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทางผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่ายามากูชิ กูมิ ที่เป็นแก๊งใหญ่อับดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น มีสมาชิกมากกว่า 2 แสนคน โดยกลุ่มนี้จะมีการแยกออกเป็น 4-5 กลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มจะมีรองหัวหน้าแก๊งดูแล ซึ่งในตัวผู้ต้องหารายนี้ก็ดูแลอยู่อีกสาขาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายประเภทบ่อนและโต๊ะที่ผิดกฎหมายทุกชนิด ที่ผ่านมาจะมีเพื่อนชาวญี่ปุ่มส่งเงินมาให้นายชิเกฮารุครั้งละหมื่นบาท เป็นประจำปีละ 2-3 ครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผลต่อไปว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร และมีเครือข่ายการกระทำผิดอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เพื่อดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
    ต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย พร้อมชุดเจ้าหน้าที่ นำตัวนายชิเกฮารุ ชิเรอิ ไปทำแผนชี้จุดในพื้นที่จังหวัดลพบุรีก่อนถูกจับกุม มีทั้งบริเวณโรงสีข้าวที่เคยไปของานทำ บริเวณบ้านอดีตภรรยา และบริเวณสนามหมากรุกด้านข้างศาลลูกศร ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกจับกุมขณะนั่งเล่นหมากรุก รวมถึงบริเวณข้างสนามหมากรุกยังมีพื้นที่ที่พักสายตรวจเก่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้ใช้แล้ว นายชิเกฮารุจึงใช้เป็นพื้นที่หลับนอนมานานกว่า 7 เดือน 
    จากการสอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าวทราบว่า เห็นนายชิเกฮารุมานอนบริเวณสนามหมากรุกตลอด เพราะทุกวันจะมาเล่นหมากรุกและช่วยล้างตัวหมากรุก คนที่เล่นก็จะให้ค่าจ้างครั้งละ 20-50 บาท และทุกเช้านายชิเกฮารุจะเก็บกวาดใบไม้บริเวณลานที่เล่นหมากรุกจนสะอาดทุกวัน ชาวบ้านพากันตั้งฉายาว่าโกโบริ บางครั้งก็เรียกยากูซ่า ซึ่งนายชิเกฮารุจะนิ่งเฉย ไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมา อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านย่านนี้
    พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานนำตัวนายชิเกฮารุส่งฟ้องศาลใน 3 ข้อหา คือหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติการเข้าเมือง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ข้อหาที่ 2 อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ข้อหาที่ 3 เป็นคนต่างด้าวไม่แจ้งที่พักต่อเจ้าหน้าที่ อัตราโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งจะต้องนำตัวส่งฟ้องศาลก่อนส่งตัวให้กับทางตำรวจญี่ปุ่น.