31 ม.ค.64- นางประกอบ แฟ้นประโคน อายุ 70 ปี ชาว ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมลูกหลานได้ออกมาวอนขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกทางเทศบาลตำบลบ้านกรวดปัญญาวัฒน์ ยื่นฟ้องศาลจังหวัดนางรอง เรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากนางประกอบ คืนย้อนหลังเป็นเวลาเกือบ 9 ปี รวมยอดเงิน 58,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอีก ร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เนื่องจากยายประกอบ ได้รับเงินบำนาญพิเศษของอาสาสมัครทหารพรานชูศักดิ์ แฟ้นประโคน ลูกชาย ซึ่งเสียชีวิตในหน้าที่ตั้งแต่ปี 2542 แล้ว จึงเป็นการซ้ำซ้อนกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
นางประกอบ กล่าวว่า นายชูศักดิ์ ลูกชายซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพราน ได้เสียชีวิตในหน้าที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2542 หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ตนเองก็ได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีที่ลูกชายเสียชีวิตงวดแรก 4,000 บาท จากนั้นก็ปรับเพิ่มเป็น 5,000 , 6,000 , 9,000 บาท และล่าสุดเมื่อประมาณปี 2562 ก็ปรับเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเป็นเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐกรณีที่ลูกชายเสียชีวิต กระทั่งเมื่อประมาณปี 2554 ทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายประชาสัมพันธ์ให้ลูกบ้านที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ไปแจ้งขึ้นทะเบียนที่เทศบาลตำบลบ้านกรวดปัญญาวัฒน์ เพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามนโยบายของรัฐ ตนเองก็เดินทางไปขึ้นทะเบียนตามที่ผู้ใหญ่ประกาศ ก็ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ซักถามหรือแจ้งเงื่อนไขอะไรให้ฟังเลยไปลงชื่อเสร็จก็กลับ หลังจากนั้นเมื่อเดือน ตุลาคม 2554 ก็ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาทมาตลอด จนถึงเดือน พ.ย.2562 รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 9 ปี ก็ถูกระงับ แล้วมีเจ้าหน้าที่จากทางเทศบาลฯ นำหนังสือมาแจ้งเรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืนทั้งหมด 58,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ยายก็ตกใจมากทำอะไรไม่ถูกพยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีเงินจ่าย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังบังคับให้เซ็นหนังสือรับสภาพหนี้หากไม่เซ็นจะถูกดำเนินคดีด้วยความกลัวจึงยอมเซ็น
นางประกอบ ระบุว่า หลังจากนั้นก็เดินทางไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางเทศบาล โดยขอผ่อนชำระเดือนละ 600 บาท โดยพยายามอธิบายกับเจ้าหน้าที่ยายไม่มีรายได้อะไร มีแค่เงินบำนาญพิเศษของลูกชายที่ตายเท่านั้น ซึ่งใช้จ่ายในครอบครัวทั้งกินอยู่ ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารักษายามเจ็บป่วย เลี้ยงหลานป่วยพิการทางสมอง และหลานวัย 6 ขวบอีกก็ไม่พออยู่แล้ว ส่วนลูกๆ แต่ละคนก็มีอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไปก็ลำบากกันทุกคน ก็พยายามขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนกรานว่าต้องจ่ายเป็นก้อน หากไม่จ่ายก็ต้องยื่นฟ้องศาลตามขั้นตอนกระทั่งทางเทศบาลฯก็ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดนางรอง ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ศาลก็ให้โอกาสไกล่เกลี่ยกัน แต่ทางเทศบาลก็ยืนกรานว่างวดแรกต้องจ่ายเป็นก้อนก่อน 15,000 บาท ส่วนที่เหลือ ก็ผ่อนชำระ เดือนละ 2,000 บาท ซึ่งยายและครอบครัวก็ยืนยันว่าไม่สามารถจ่ายได้เพราะจะกระทบต่อความเป็นอยู่ของครอบครัว ก็ขอผ่อนอยู่ที่เดือนละ 600 บาท จึงยังไม่สามารถตกกันได้
นางประกอบ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดศาลจึงนัดให้ไปไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 26 เม.ย.2564 ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากทางเทศบาลยังยืนกรานเหมือนเดิมตนก็คงต้องยอมติดคุกเพราะไม่มีปัญญาจะหามาจ่ายได้ จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย เพราะตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อนและทุกข์ใจมาก
ด้าน น.ส.วิไล แฟ้นประโคน อายุ 49 ปี หลานสาว กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ความผิดของยาย เพราะเงินบำนาญที่ยายได้รับก็เข้าใจว่าเป็นเงินเยียวยากรณีลูกเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ยายซึ่งเป็นมารดาก็ควรจะได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากรัฐ ส่วนเบี้ยผู้สูงอายุทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ยายไปทำตามสิทธิคนชราที่อายุครบ 60 ปีแล้วตอนที่ไปเทศบาลก็ไม่ได้แจ้งเงื่อนไขอะไรให้ทราบเลย แต่สุดท้ากลับจะโยนความผิดให้ยายต้องมารับภาระตนเองมองว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเงินหลวงซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่จ่ายแต่ขอความเห็นใจขอผ่อนชำระเดือนละ 600 บาทเพื่อไม่ให้กระทบกับการดำรงชีวิต แต่กลับถูกทางเทศบาลยื่นฟ้อง จึงอยากขอความเมตตาและช่วยเหลือยายด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |