นิวไฮ!โควิด930ราย เชิงรุกสมุทรสาคร/‘อนุทิน’ห้ามคนสธ.ตั้งวงสังสรรค์ร่ำสุรา


เพิ่มเพื่อน    

 

ทำนิวไฮอีกรอบ! ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 930 ราย เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชาวเมียนมา จ.สมุทรสาคร ชี้ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจสูงขึ้นอีกระยะเพราะการค้นหาเชิงรุก ขณะที่ปาร์ตี้วันเกิดป่วยเพิ่มเป็น 30 ราย "อนุทิน" ให้นโยบายห้ามบุคลากรสาธารณสุขทุกคนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เลี่ยงการดื่มเหล้า
    เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 930 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 916 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 14 ราย ทั้งนี้ ในยอดผู้ป่วยรายใหม่ 930 รายนั้นแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ ผู้ป่วยจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 27 ราย, ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 889 ราย จำนวนนี้อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร 865 ราย, จ.สมุทรปราการ 18 ราย, จ.มหาสารคาม 4 ราย,  กทม. 1 ราย, จ.ระยอง 1 ราย และเป็นผู้ป่วยติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ 14 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 17,953 ราย ยอดหายป่วยสะสม 11,505 ราย อยู่ระหว่างรักษา 6,371 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 1 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 77 ราย  
    ผู้ช่วยโฆษก ศบค.เผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่ เป็นเพศชายสัญชาติเมียนมา อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง อาศัยและทำงานใน จ.สมุทรสาคร มีโรคประจำตัว โรคตับแข็ง ติดสุราเรื้อรัง มีประวัติเสี่ยงทำงานร่วมกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า โดยวันที่ 15 ธ.ค.63 มีอาการไข้ แน่นหน้าอก ตาเหลือง ตัวเหลือง ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล วันที่ 29 ธ.ค.63 มีอาการปอดอักเสบ เหนื่อยหอบ และส่งตรวจหาเชื้อโควิด
    ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. ผลตรวจยืนยันพบติดเชื้อโควิด วันที่ 2 ม.ค.64 มีอาการเลือดออกทางเดินอาหาร วันที่ 19 ม.ค. มีอาการไตวายเฉียบพลัน อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิต วันที่ 27 ม.ค. สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 102,628,593 ราย เสียชีวิต 2,216,285 ราย  
    พญ.พรรณประภากล่าวว่า ถ้าดูจากกราฟที่เกิดขึ้นในช่วง 5 วันที่ผ่านมา จะพบว่าผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุกจะสูงขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่ จ.สมุทรสาคร และจะสูงขึ้นอีกระยะหนึ่งเพราะการค้นหาเชิงรุกยังทำต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชน เอกชน ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ และถ้าเราดูเฉพาะ กทม. จะเห็นว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่วันที่ 1 ก.พ. ที่จะเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายให้นั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารได้จนถึงเวลา 23.00 น. ก็ขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ เพราะเห็นได้จากมาตรการต่างๆ และความร่วมมือของประชาชนทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ถ้าเราดูพื้นที่ที่มีการติดเชื้อแบ่งเป็นรายสัปดาห์ จะพบว่าตั้งแต่สัปดาห์แรกของปี 64 มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ 39 จังหวัด สัปดาห์ที่ 2 มีจังหวัดพบผู้ติดเชื้อ 30 จังหวัด สัปดาห์ที่ 3 มี 24 จังหวัด และสัปดาห์ปัจจุบัน 17 จังหวัด สิ่งเหล่านี้เป็นเพราะมาตรการและความร่วมมือของประชาชน ภาครัฐ เอกชน ที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวว่า จากการเปรียบเทียบสถานการณ์การระบาดรอบแรกกับรอบใหม่ในพื้นที่ กทม.นั้น พบว่าระบาดรอบใหม่นี้ยังไม่สูงเท่า ไหร่ แต่แนวโน้มค่อนข้างที่จะมีต่อเนื่อง จึงยังวางใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อที่พบในขณะนี้เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งเกิดการติดเชื้อทั้งจากที่ทำงานและการท่องเที่ยว สะท้อนว่ามีการผ่อนมาตรการ ป้องกันตนเองระหว่างที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท คนใกล้ชิด
ปาร์ตี้วันเกิดเพิ่มเป็น 30 ราย
    อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกันกับ กทม.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กำหนดแผนควบคุมป้องกันโรค ทั้งเรื่องระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ การสุ่มตรวจในพื้นที่ กทม.มากขึ้น และค้นหาเชิงรุกในกลุ่มอาชีพที่มีการสัมผัสกับแรงงานต่างด้าว อาทิ ตำรวจ คนขับรถโดยสาร รถรับจ้าง แคชเชียร์ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการค้นหาคนติดเชื้อและเพื่อ ศึกษาทางระบาดวิทยาเพิ่มเติมด้วย
    นพ.วิชาญกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับงานเลี้ยงวันเกิด โดยรายงานล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 30 ราย โดยสถานการณ์ในกลุ่มนี้ค่อนข้างนิ่ง แต่ต้องเฝ้าระวังต่อไปจนครบระยะเฝ้าระวัง ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่สำคัญของทั้งกทม.และคนไทยทั้งประเทศในการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในวงกว้าง คือไม่นำตนเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง กิจกรรมที่เสี่ยง และการใกล้ชิดกับคนที่มีความเสี่ยง เพราะจะส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายสู่คนใกล้ชิดเป็นจำนวนมากได้
    "ไม่ควรประมาทแม้จะมีอาการ เพียงอาการเล็กน้อยถ้ามีปัจจัยเสี่ยงก็ต้องรีบไปตรวจ ขอให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ใกล้สงบนี้ ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันยุติให้รวดเร็ว หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง และเป็นหูเป็นตา หากคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเสี่ยงก็คอยห้ามปรามกันด้วย" นพ.วิชาญกล่าว
    วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan -o-cha” ระบุว่า “สถาบันวิชาการชั้นนำของประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยผลการจัดอันดับประเทศที่รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก โดยประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4 จากการสำรวจทั้งหมด 98 ประเทศทั่วโลก เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ เพราะคนไทยทุกคนมีส่วนร่วม และเราทุกคนควรภาคภูมิใจ ผมเชื่อครับว่า คนไทย หากร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้
    ผมขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง อาสาสมัคร และส่วนงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมโดยทั่วกันทั้งประเทศ ด้วยการให้ความสำคัญในเรื่องของความสะอาดและสุขอนามัยในร้านค้าและสถานประกอบการของท่าน ที่สำคัญคือประชาชนคนไทยทุกคน ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุข เราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้อีกครั้งด้วยความร่วมมือของทุกคน
ให้กำลังใจบุคลากรที่เชียงราย
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีเดียวกันว่า คนไทยได้รับการยกย่องให้เป็นชนชาติที่ช่วยกันรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้ดีเป็นลำดับ 4 ของโลก ความร่วมมือ ความมีวินัย ความอดทน และความเสียสละของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข จึงทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ควบคุมการระบาดได้เร็ว และมีผู้ป่วยอาการหนักจำนวนน้อย และมีการสูญเสียชีวิตจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในหลายๆ ประเทศ
    ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย นายอนุทิน,  ม.ล.นพ.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1  โดยได้นำวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น, หน้ากาก N95 12,000 ชิ้น, ชุด Cover all 400 ชุด, เฟซชิลด์ 1,120 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ มอบให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด
    นายอนุทินกล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้มาให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคนไทย โดยเฉพาะขอชื่นชมจังหวัดเชียงราย ที่สามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ได้เป็นอย่างดี จากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน มีการตรวจจับผู้ติดเชื้อที่รวดเร็ว ไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยจากข้อมูลพบผู้ติดเชื้อใน จ.เชียงราย รวม 65 ราย ในจำนวนนี้มีเพียง 1 รายติดเชื้อภายในจังหวัดจากการสัมผัส ซึ่งในวันนี้ผู้ติดเชื้อที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลรายสุดท้ายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สำหรับระบบการดูแลผู้ติดเชื้อของ จ.เชียงรายนั้น ได้นำมาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการเตียงดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อลดความแออัดที่ จ.สมุทรสาคร
    สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในเขตสุขภาพที่ 1 (ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ) สามารถควบคุมได้ดีเช่นกัน จากการเน้นค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง ชุมชนเสี่ยง ประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น พ่อค้าอาหารทะเล, แรงงานต่างด้าว, นักท่องเที่ยว/ญาติ ที่เดินทางมาจาก กทม.และพื้นที่ควบคุมสูงสุด, คนขับรถขนส่งสินค้า, พนักงานสถานบันเทิง และมีสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ จำนวน 31 แห่ง รองรับได้ 2,152 เตียง เข้ารับการกักตัวไปแล้วกว่า 1,600 คน ซึ่งการระบาดในระลอกใหม่มีผู้ติดเชื้อทั้งเขตสุขภาพรวม 100 คน ทั้้งหมดรักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว ภาพรวมผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสีเขียว ขณะนี้เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ไม่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์
    “ขอมอบเป็นนโยบายให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนต้องเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตัวที่ดีให้กับประชาชน ไม่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เลี่ยงการดื่มสุรา เนื่องจากพบว่าต้นเหตุสำคัญของการแพร่เชื้อโควิด-19 มาจากการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเกิดการปฏิบัติตามและเฝ้าระวังตนเอง ส่วนเรื่องวัคซีนที่กำลังมาเป็นการฉีดวัคซีนครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีความปลอดภัย มีระบบควบคุมติดตามหลังการฉีด และทุกคนที่สมัครใจต้องได้รับวัคซีน เพื่อเร่งปรับให้ประเทศเข้าสู่สถานการณ์ปกติให้เร็วที่สุด” นายอนุทินกล่าว
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนไทยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนไทย และได้พระราชทานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทาน และรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน โดยได้พระราชทานมาแล้วรวมทั้งสิ้น 20 คัน เพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 และวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น จะส่งผลให้ทำการตรวจเชิงรุกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังชื่นชมการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าศูนย์ ที่สนธิกำลัง กวดขันและบูรณาการการทำงานของกองกำลังป้องกันชายแดน อย่างเข้มข้น ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง เพิ่มความถี่การตั้งจุดตรวจ และลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนทุกด้าน เพิ่มการวางเครื่องกีดขวางตามช่องทาง ท่าข้ามที่ล่อแหลมและสำคัญในภูมิประเทศ และเครื่องมือพิเศษทุกระบบในการเฝ้าตรวจพื้นที่ เช่น CCTV และการใช้โดรน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการข้ามแดนผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบข้ามแดนของแรงงานผิดกฎหมาย การมั่วสุมผิดกฎหมาย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การลักลอบขนย้ายสินค้าผิดกฎหมาย และยาเสพติด
    และนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตนตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค เพื่อรับผิดชอบต่อตนเองและรับผิดชอบต่อผู้อื่นในสังคม.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"