โชคดีที่ไม่ใช่ "ธนาธร"


เพิ่มเพื่อน    

     ทำเป็นเล่นไป...

            ที่ "ทอน" ออกมาโจมตีเรื่องวัคซีนโควิด-๑๙ แล้ว ๓ นิ้วรับลูกไปขยายผลต่อ มองหลายๆ มุมมันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน

            ที่เด่นชัด สังคมไทยรับรู้ข้อเท็จจริงมากขึ้น

            ฝั่งที่ไม่เชื่ออะไรเลยนอกจากสิ่งที่ศาสดาตัวเองป้อนให้ คงไม่ต้องไปพูดถึงอะไรมาก

            พวกนี้ดัดไม่ได้แล้ว

            สังเกตดีๆ นะครับ กระแสที่ "ธนาธร" เป็นคนจุด ปั่นให้ ม็อบ ๓ นิ้วเอาไปขยาย ค่อยๆ มอดลงไป เพราะความจริงคือสิ่งที่บิดเบือนไม่ได้นั่นเอง

            คนที่อยู่กลางๆ ซึ่งมากมายมหาศาล วันนี้ชัดแล้ว เข้าใจตรงกัน "ธนาธร" โกหก พูดไม่หมด มีเป้าหมายโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์

            มีคำถามคือ นักการเมืองมองไกลแค่ไหน? 

            นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด! ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ

            "ธนาธร" ดูเหมือนจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายยังใช้วิธีของนักการเมืองรุ่นเก่าคือ ใช้ความเท็จ สร้างความเข้าใจผิดให้สังคม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

            พวกนี้เก่งแต่ยื่นปลา แม้กระทั่งความคิดยังสำเร็จรูป

            การใช้คำ "วัคซีนพระราชทาน" เพื่อโจมตีเรื่องการผูกขาด คือชุดข้อมูลเท็จสำเร็จรูป ที่ไล่งับกันเป็นทอดๆ โดยไม่ต้องใช้ความคิด

            "พระราชายื่นเบ็ด" ก็เป็นที่แน่ชัด ในหลวง ร.๙ พระราชทาน "สยามไบโอไซเอนซ์" ให้คนไทยเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว 

            พระองค์ทรงวางแนวทางไว้ชัดเจน ขาดทุน เพื่อกำไร  ต่างจากนักการเมืองชั้นเลวอย่าง "ธนาธร" ที่มองเรื่องกำไรก่อนสิ่งอื่นใด

            แนวทาง ขาดทุน เพื่อกำไร ยังตรงกับแนวคิดของ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และแอสตร้าเซนเนก้า ที่ต้องการให้วัคซีนกระจายไปยังประเทศที่ไม่ร่ำรวย

            เพื่อให้ประชาชนที่ยากจนทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนโควิด-๑๙ ง่ายขึ้น

            เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วไม่มีใครรู้ว่าโควิด-๑๙ จะระบาดไปทั่วโลก แต่เพราะการมองการณ์ไกลของในหลวง ร.๙ ทำให้ไทยคือหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนโควิด-๑๙ ได้

            เรื่องนี้ยังต้องมองกันอีกยาว

            อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า การที่ไทยฉีดวัคซีนหลังเมียนมา ลาว กัมพูชา จะนำมาซึ่งหายนะ

            เวลาฉีดวัคซีนต่างกันเดือนสองเดือน แทบไม่มีความหมาย เพราะข้อเท็จจริงคือ โควิด-๑๙ ยังระบาดหนักทั่วโลก การฉีดวัคซีนจะดำเนินต่อไปอีกเป็นปี

            เมื่อศึกนี้ยืดเยื้อ ประเทศที่จะยืนหยัดได้อย่างมีประสิทธิภาพคือประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนเอง และเรื่องนี้ต้องขอบคุณ "ธนาธร" ที่ทำให้ข้อมูลเรื่องไทยกับวัคซีนโควิด หลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำ

            ทำให้เห็นว่าศักยภาพการผลิตวัคซีนโควิด-๑๙ นั้น ไทยยืนอยู่แถวหน้าของโลก

            ไปดูสถานการณ์โลกวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

            สหรัฐกว้านซื้ออีก ๒๐๐ ล้านโดส

            ซึ่งแน่นอนประเทศร่ำรวยมีพลังต่อรองที่สูงกว่า ประเทศที่ผลิตไม่ได้ ต้องซื้ออย่างเดียวตกอยู่ในสถานะสุ่มเสี่ยง

            ข้อมูลจาก ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อ่านเพลินๆ ครับ

            ....ตอนนี้กำลังเกิดการชิงวัคซีนระหว่างชาติแล้ว               

                ระหว่างอียู ๒๗ ประเทศ กับอังกฤษ และประเทศอื่น

                มีอะไรที่ซับซ้อนที่คนไทยควรรู้

                บอกแล้วว่าวัคซีนมีไม่พอ

                สถาบันเซรุ่มในอินเดีย ผู้ผลิต วางแผนผลิตวัคซีนขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ราวสองพันล้านเข็ม บอกมาสองสัปดาห์แล้ว ที่นี่มีข้อมูลกำลังการผลิตของโลกที่ลึกสุด

                บอกว่ากว่าจะผลิตให้พอทั้งโลกก็ราวปี ๒๐๒๔ อีกสี่ปี ตอนนั้นกลายพันธุ์กันจำไม่ได้ไปแล้ว มีพันธุ์ใหม่รายเดือนแล้ว

                งานนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้าน medical supply chain ระดับโลก

                อิสราเอลเยี่ยมสุด เดือนมีนาคมนี้ฉีดครบทุกคน

                ฝีมือวางแผนและข่าวกรองของมอสสาด

                เห็นฝีมือแล้วยัง

                บาห์เรน และเอมิเรตส์ ทุ่มเงินจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจวัคซีนระดับสุดยอดของโลกมาวางแผน น่าจะจบเดือนเมษายน รวมคนต่างชาติทุกคนด้วย

                สุลต่านเล่นเองซะอย่าง เงินถึง ใจถึง มีคนเสนอแผนให้เลือกได้เลย

                ฮ่องกง ไต้หวันก็ไม่ธรรมดา ฮ่องกงเล่นทั้งไฟเซอร์และจีน

                สงครามเกิดขึ้นในบริษัทระดับ supply chain ทั้งของแอสตร้า และไฟเซอร์

                น่าจะส่งผลต่อแผนจัดหาวัตถุดิบของบริษัทวัคซีนในไทยด้วย

                ไทยต้องดูโลกแล้ว จะเล่าให้ฟังพรุ่งนี้มั้ง ทุกประเทศทุ่มเทคนชั้นเลิศออกมาทำงาน

                ตอนนี้ต้องรบกับคนทั้งโลก ชิงโอกาส ชิงชีวิต ชิงเงิน....

            ครับ....พูดถึงวัคซีน วันนี้แค่นับหนึ่ง

            ใครมีความพร้อม และยืนระยะได้ ก็สามารถสู้กับโควิด-๑๙ ได้ดีกว่า

            สถาบันโลวี (lowy institute) ของออสเตรเลีย จัดอันดับประเทศที่รับมือการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ได้ดีที่สุดในโลก

            นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่รับมือได้ดีที่สุดในโลกด้วยคะแนน ๙๔.๔ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๐๐

            อันดับ ๒ เวียดนาม ๙๐.๘ คะแนน

            อันดับ ๓ ไต้หวัน ๘๔.๔ คะแนน

            อันดับ ๔ ไทย ที่ ๘๔.๓ คะแนน

            อันดับ ๕ ไซปรัส ๘๓.๓ คะแนน

            ฝั่งที่ไม่ชอบรัฐบาล บอกว่า ไทยรับมือได้ดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ต้องยกเครดิตให้บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน 

            ส่วนรัฐบาลไม่เกี่ยว เพราะเป็นต้นเหตุให้ระบาดซ้ำแล้วซ้ำอีก

            นั่นคือกรอบความคิดที่คับแคบ และไม่ยอมรับความจริง

            พิสูจน์ง่ายๆ ครับ ลองให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล

            วิธีการจัดการโควิดแบบก้าวไกล (อนาคตใหม่) มีอะไรบ้าง

            ไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

            ไม่มีล็อกดาวน์

            เอาแค่ ๒ ข้อนี้ ไทยจะมีสภาพไม่ต่าง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ในวันนี้

            แล้วรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ชาวมาเลเซียป่วยโควิดแล้ว ๑๙๘,๒๐๘ คน เสียชีวิตแล้ว ๗๑๗ ราย

            ฟิลิปปินส์ ยอดผู้ป่วยรวม ๕๑๙,๕๖๔ คน เสียชีวิต ๑๐,๕๕๒ ราย 

            อินโดนีเซีย ยอดผู้ป่วยรวม ๑,๐๓๗,๙๙๓ คน เสียชีวิต ๒๙,๓๓๑ ราย

            นั่นคือข้อเท็จจริง รัฐบาล ๓ ประเทศนี้ด้อยกว่ารัฐบาลไทยในการจัดการกับโควิด-๑๙

            ก็ลองคิดกลับดู ภายใต้รัฐบาลพรรคของ "ธนาธร" มีคนไทยติดเชื้อโควิด-๑๙ เป็นแสน ตายเป็นหมื่น

            เศรษฐกิจไม่ต้องพูดถึง พังย่อยยับ

            เผลอๆ สยามไบโอไซเอนซ์ไม่ได้ผลิตวัคซีน เพราะ "ธนาธร" ไม่ต้องการ

            โชคดีของประเทศไทยที่ "ธนาธร" ไม่มีอำนาจ.

            


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"