29 ม.ค.64 - ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีผ่านระบบ VDO Conference ไปยังเรือนจำ คดีหมายเลขดำ อ.585/2563 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด, น.ส.ศึกษาพร ไชยเชษฐ กับพวกรวม 2 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิชัย หรือเอก หรือไอซ์ องค์วิศิษฐ์ ฉายาไอซ์ หีบเหล็ก เป็นจำเลย ในคดีฆาตกรรมหญิงสาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค. 2562 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขัง น.ส.วรินทร์ธรณ์ หรือกุ๊กกิ๊ก ไชยเชษฐ ผู้ตาย ไว้ในห้องพักของจำเลย แล้วจำเลยฆ่าผู้ตายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยกับพวกร่วมกันขุดหลุมและฝังศพผู้ตายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและเป็นการทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เหตุเกิดที่แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 289, 310, 366/3 ริบของกลาง ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย และขอให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.201/2563, อ.1140/2563 เเละ ย.1831/2563 ของศาลนี้
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายและข้อหาร่วมกันทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าทำร้ายร่างกายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยบันดาลโทสะ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา มารดาและบุตรของผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 310, 366/3 และโจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่งว่า ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ร่วมทั้งสองเรียกสูงเกินควร เป็นค่าสินไหมทดแทนในอนาคตที่ไม่แน่นอน และผู้ตายมีส่วนก่อให้เกิดเหตุ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยแล้ว เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายและข้อหาร่วมกันทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรก ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว
ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายและนำผู้ตายใส่ในกล่องเหล็กทึบจนเสียชีวิต แต่มีพยานที่รู้เห็นและเบิกความยืนยันพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุที่จำเลยทำร้ายผู้ตาย โดยใช้ท่อนเหล็กทุบศีรษะและลำตัว ทั้งใส่กุญแจมือที่ข้อมือและข้อเท้าและบังคับให้ผู้ตายเข้าไปนอนในกล่องเหล็กทึบ และพฤติการณ์หลังจากที่ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเจือสมกับทางนำสืบของจำเลยที่รับว่าทำร้ายผู้ตายและบังคับผู้ตายให้นอนในกล่องเหล็กทึบ
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าทำร้ายผู้ตายโดยบันดาลโทสะ เพราะผู้ตายต้องการเลิกความสัมพันธ์กับจำเลยและกลับไปหาสามีผู้ตายนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงไม่ใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะ ที่จำเลยอ้างว่าจับผู้ตายเหวี่ยงไปถูกชั้นวางของทำให้ดัมเบลที่วางอยู่บนชั้นตกใส่ผู้ตายก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักกระแทกรุนแรงถึงขนาดทำให้เสียชีวิต ประกอบกับรายงานการตรวจศพที่แพทย์สรุปสาเหตุการตายว่า มีเลือดออกในช่องอกขวาจากทรวงอกได้รับบาดเจ็บรุนแรง ข้ออ้างของจำเลยจึงไม่น่าเชื่อถือ พฤติการณ์ที่จำเลยรีบนำศพผู้ตายไปลักลอบฝังแสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้ว่าตนกระทำผิดร้ายแรงและประสงค์จะปกปิดความผิดดังกล่าว
พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีน้ำหนักเพียงพอที่ชี้ชัดว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายใช้ท่อนเหล็กทุบตีทำร้ายผู้ตายจนได้รับบาดเจ็บรุนแรงมีเลือดออกในช่องอกแล้วบังคับให้ผู้ตายลงไปนอนขดตัวภายในกล่องเหล็กทึบ ขนาดความกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร สูงประมาณ 45 เซนติเมตร และปิดฝากล่องคล้องด้วยกุญแจไว้ โดยผู้ตายอยู่ในสภาพนอนขดตัวงอเข่าชิดอกจนไม่สามารถขยับตัวหรือหายใจได้โดยสะดวก ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานขณะอยู่ภายในกล่องเหล็กทึบ แม้ผลการตรวจสภาพศพของแพทย์ไม่สามารถชี้ชัดว่าผู้ตายขาดอากาศหายใจ เนื่องจากศพมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากเสียชีวิตเป็นเวลานานทำให้อวัยวะภายในเสื่อมสลายก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวย่อมเล็งเห็นผลว่าผู้ตายอาจถึงแก่ความตายได้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง และเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และการที่จำเลยบังคับให้ผู้ตายลงไปนอนขดตัวภายในกล่องเหล็กทึบขนาดเล็กจนผู้ตายถึงแก่ความตายในกล่องดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามฟ้อง
ในคดีส่วนแพ่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งเป็นมารดาและบุตรของผู้ตาย
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199,366/3 ประกอบมาตรา 83 มาตรา289 (5), 310 วรรคสอง เมื่อเพิ่มโทษและลดโทษจำเลยตามกฎหมายแล้ว คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.201/2563, อ.1140/2563 เเละย.1831/2563 ของศาลนี้ ริบของกลาง กับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,700,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 1 และเป็น 1,200,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |