เมินแก้ญัตติซักฟอก ฝ่ายค้านยันทำถูกต้องยํ้า‘บิ๊กตู่’อ้างสถาบันโยนปธ.สภาคุมเกม


เพิ่มเพื่อน    

 

ฝ่ายค้านตอกฝาโลง “สมพงษ์” เรียกแกนนำพรรคร่วมอีกครั้งก่อนทุบโต๊ะ ไม่แก้ไขญัตติแม้แต่คำเดียว ชี้ทำถูกต้องตามระเบียบ-รัฐธรรมนูญ เชื่อ "ประธานสภาฯ" จะคุมเกมที่ประชุมได้หากเลยเถิด “เพื่อไทย” ยังหวังพ่นน้ำลายขั้นต่ำ 5 วัน “จิรายุ”  โผล่ปูดชื่อ รมต. 5 ตัวย่อในบัญชี 2 ที่จะเช็กบิลส่งไม้ต่อให้ ป.ป.ช.ฟัน
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ม.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่สร้างความไม่สบายใจให้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะเนื้อหาญัตติมีการพาดพิงสถาบันค่อนข้างมาก
    โดยในช่วงเช้า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในช่วงบ่ายประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดหารือกับวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ถึงข้อกังวลของวิปรัฐบาลที่จะเสนอให้แก้ไขญัตติ ส่วนจะแก้หรือไม่ ก็แล้วแต่ผู้ยื่นญัตติจะพิจารณา แต่ก็จะทำให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความยากลำบากหากไม่มีการแก้ไข
    เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าหากไม่มีการแก้ไขแล้วเมื่อเปิดการอภิปรายก็จะมีคนลุกขึ้นประท้วงทันที นายวิรัชกล่าวว่า ต้องถามนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พปชร. และ ส.ส.อีกหลายคนที่ทุกคนมีความกังวลว่าสมควรหรือไม่ที่เขียนญัตติลักษณะเช่นนั้น ทั้งที่ข้อบังคับการประชุมและกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่าการจะกล่าวถึงพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ไม่บังควร ส่วนที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มองว่าไม่ขัดต่อข้อบังคับนั้น ความคิดของก้าวไกลไม่ได้ผูกพันทุกองค์กร ผูกพันเฉพาะพรรค ก.ก.พรรคเดียว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้องจึงได้ทักท้วง แต่เมื่อไม่มีการปฏิบัติตามเราก็ขอให้ทำตามข้อบังคับของการประชุม คาดว่าจะได้ผลสรุปที่ชัดเจนในช่วงบ่าย ส่วนกรอบเวลาอภิปรายนั้นได้หารือเบื้องต้นแล้ว คาดว่าใช้เวลา 4 วัน และคงขอเพิ่มมากกว่านี้คงไม่ได้ คิดว่าน่าจะเพียงพอและพอดีแล้ว
    ถามอีกว่า มีการตั้งทีมเพื่อเตรียมข้อมูลมาหักล้างฝ่ายค้านและปกป้องรัฐมนตรีในส่วนของพรรค พปชร.หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า จากการสอบถามรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปราย ได้รับการยืนยันว่าทุกคนได้เตรียมข้อมูลตามข้อกล่าวหาและข้อมูลทุกเรื่องที่คิดว่าจะมีการพูดถึง ดังนั้นการจะมีองครักษ์หรือไม่นั้นก็ต้องทำ แต่ทำในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะไปจัดการประชุมสัมมนาเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ อาจเป็นลักษณะแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อปกป้องดูแลและตรวจสอบเอกสารของรัฐมนตรีแต่ละคนถ้ามี
    ต่อมาในช่วงบ่าย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้หารือร่วมกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ, นายวิรัช และนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ถึงข้อห่วงใยต่อญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีเนื้อหาในญัตติพาดพิงไปถึงสถาบัน
    ในเวลา 15.15 น. นายสิระระบุถึงการหารือว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงความไม่สบายใจของหลายฝ่ายเกี่ยวกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะข้อความ “ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง” ซึ่งในที่ประชุมนายชวนระบุว่าไม่ได้เป็นการบังคับ ถึงแม้ว่าฝ่ายค้านจะไม่แก้ไข ก็บรรจุญัตติตามขั้นตอนอยู่แล้ว แต่นายสมพงษ์ขอรับไปแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าว  
    “การอภิปรายเปิดกว้างให้อภิปรายได้ แต่ขอให้อย่ามีข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันมาอ้างถึงในญัตติ เพราะไม่เหมาะสม โดยจะแก้ไขอย่างไรนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของฝ่ายค้านที่จะไปแก้ไข ซึ่งในที่ประชุมก็มีตัวแทนของพรรคก้าวไกลรับทราบด้วย ส่วนตัวขอขอบคุณฝ่ายค้านที่ยอมแก้ไขญัตติ และขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ เพื่อทำให้ประชาชนและสังคมสบายใจกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้” นายสิระกล่าว
    ด้านนายสมพงษ์กล่าวว่า ยังบอกไม่ได้ว่าจะแก้ไขญัตติหรือไม่ โดยได้เชิญหัวหน้า แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านมาหารือร่วมกันที่ห้องทำงานในเวลา 16.00 น.
ฝ่ายค้านไม่แก้ญัตติ
    จากนั้นแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าร่วมหารือ โดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวก่อนประชุม ยืนยันว่าญัตติไม่ได้ผิดพลาดหรือผิดข้อบังคับ แม้นายวิรัชจะห่วงใย กังวลถ้อยคำที่เขียนลงในญัตติอาจรุนแรงเกินไป แต่เราพยายามจะชี้ให้เห็นว่านายกฯ มีพฤติการณ์อย่างไร ตามที่มีการเขียนลงในญัตติ จะอภิปรายอย่างระมัดระวัง พูดถึงสถาบันน้อยที่สุด และเท่าที่จำเป็น แต่เมื่อมีความไม่สบายใจ นายสมพงษ์จึงได้เชิญตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านมาร่วมหารือเพื่อรับฟังความเห็นจากทุกพรรค เรายินดีรับฟังด้วยเหตุและผลว่าจะทำอย่างไรให้มีจุดร่วมกันได้
    ถามว่าหากความคิดเห็นของพรรคร่วมฝ่ายค้านให้มีการแก้ไข พรรค ก.ก.จะว่าอย่างไร นายพิจารณ์กล่าวว่า หากจะยกถ้อยคำทั้งหมดออก คิดว่าคงไม่น่าเกิดขึ้น เพราะญัตติได้ผ่านการพูดคุย และลงนามร่วมกันแล้ว แต่ถ้าจะปรับถ้อยคำบางส่วน แต่ยังได้ใจความตามหลักการเหตุผลตามเดิมก็อาจเป็นไปได้
    ต่อมาเวลา 16.00 น. ภายหลังการประชุม นายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านหารือกันแล้ว มีมติว่าญัตติที่เสนอไปครบถ้วนเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดต้องแก้ไข โดยทราบว่าหลังจากที่ประชุมวิป 2 ฝ่ายในช่วงบ่าย มี ส.ส.บางคนให้ข่าวว่าจะไปทบทวนแก้ไขญัตติ แต่มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ถูกต้อง ดังนั้นจะไม่มีการแก้ไขแม้แต่คำใดคำหนึ่ง ส่วนเรื่องการอภิปรายมั่นใจว่า ส.ส.ทุกคน เข้าใจการพูดเกี่ยวกับสถาบัน ทุกคนระวังอยู่แล้ว อีกทั้งประธานที่ประชุมคอยดูแลกำกับอยู่ คิดว่าคงไม่มีปัญหา
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า การระบุว่าญัตตินี้จะละเมิดสถาบัน เป็นหน้าที่ของประธานที่ประชุมจะพิจารณา ถ้าพูดผิดข้อบังคับ ประธานให้ผู้อภิปรายถอนคำพูดได้ ฝ่ายค้านคุยกันแล้ว ยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดผิดทั้งกฎหมาย และข้อบังคับการประชุม หรือล่วงละเมิดสถาบัน เมื่อญัตติไม่ผิดรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ เป็นหน้าที่ประธานสภาฯ ต้องบรรจุญัตติภายใน 7 วัน แล้วแจ้งให้รัฐบาลทราบต่อไป  
    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า กรอบเวลาการอภิปรายนั้น ฝ่ายค้านยังยืนยันว่าต้องอย่างน้อย 5 วัน บวกวันลงมติอีก 1 วัน เป็น 6 วันขั้นต่ำ การที่ฝ่ายรัฐบาลยืนยันจะให้อภิปรายแค่ 4 วันเท่านั้นคงไม่พอ และยังไม่ได้เป็นข้อตกลงกัน
    วันเดียวกัน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรค พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โดยอ้างว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ว่าญัตติของฝ่ายค้านแค่ใช้คำว่ามีอิทธิพล เริ่มต้นนั้นก็ผิดแล้ว เพราะส่วนตัวและประชาชนที่ได้สัมผัส พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ชาวบ้านเป็นที่พึ่งพา ทำให้ท่านมีบารมี เพราะท่านสั่งสมทำมาตั้งแต่วัยหนุ่มจนปัจจุบันอายุ 75 ปี ซึ่งคำว่าบารมี ในทางพระพุทธศาสนามีความหมาย 2 ประการคือ 1.ดีเลิศอันสูงสุด และ 2.ความดีที่บำเพ็ญเพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงสุด ดังนั้น สิ่งที่ท่านทำมาตลอดเป็นการทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
“อยากเตือนฝ่ายค้านว่า อย่าคิดว่าบำเพ็ญเพียงวันเดียวแล้วจะเป็นเซียนได้ การเป็นเซียนได้นั้นต้องสะสมบารมี ต้องหมั่นทำความดี ผมจึงคิดว่าคนเขียนญัตติอภิปราย พล.อ.ประวิตรนั้น ถ้าไม่ถูกจ้างมาให้เขียน ก็คงเขียนโดยขาดข้อมูลโดยมีคงมีภยาคติกับ พล.อ.ประวิตร จึงเขียนไปด้วยความกลัว กลัวว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นที่รักของพ่อแม่พี่น้องประชาชน” นายสามารถกล่าว และว่า ขอเตือนฝ่ายค้านว่า ญัตติที่เขียนยื่นไม่ไว้วางใจนั้น ขอให้อภิปรายตามข้อบังคับของสภา อย่าพาดพิงบุคคลอื่นหรือบุคคลที่สาม ขอให้นำข้อความจริงมาพูด อย่าเต้าข่าวขึ้นเสียเอง เพราะประชาชนรู้ทันกันหมดแล้ว ทั้งนี้ตนเองและ ส.ส.อีกหลายท่านจะเป็นวอร์รูมในการสนับสนุนข้อมูลจริงและตอบโต้ประเด็นที่ไม่ใช่ความจริงทั้งในสภาและนอกสภา
ปูดมีบัญชี 2 รอเช็กบิล
      ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรค พท. กล่าวว่า เห็นได้ชัด ส.ส.รัฐบาลพยายามออกมายืนปากกล้าขาสั่นเบี่ยงประเด็นเรื่องญัตติ เชื่อว่าคราวนี้ประชาชนจะได้เห็นต่อมสามัญสำนึกของความเป็นคน อาจมีรัฐมนตรีประกาศลาออกกลางสภา หรือไม่ก็อาจได้เห็นฉายาใหม่ของรัฐมนตรีว่า กระดาษทรายเรียกพี่ นอกจากนี้ ประชาชนจะได้เห็นว่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และหลังจบการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการพิสูจน์ว่าต่อมความดีของ ส.ส.พรรครัฐบาลยังจะมีใครยอมโหวตให้ผ่านหลังการอภิปรายหรือไม่
        “ฝากไปยังรัฐมนตรีที่ไม่มีชื่อถูกอภิปราย อย่าเพิ่งลอยตัวนึกว่ารอดแล้วทำเป็นชิลๆ โดยเฉพาะอักษรย่อ จ., อ., ส., พ. และ ด. อย่านึกว่ารอดเขียงนี้แล้วจะปลอดโปร่งโล่งสบายลมมันเย็น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขา เพราะยังมีรัฐมนตรีอีกนับสิบมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต เอื้อพวกพ้อง และลุแก่อำนาจ บัญชี 2 นี้จะถูกดำเนินการ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจและจะติดตามผลในชั้นกรรมาธิการและการตั้งกระทู้กลางสภา ที่จะมัดด้วยพยานหลักฐานชนิดดิ้นไม่หลุดแน่นอน และจะนำไปสู่ขั้นตอนร้อง ป.ป.ช.แน่นอน” นายจิรายุกล่าว และว่า บางคนคิดว่ามีลูกพี่เป็นรองนายกฯ ตัวเองเป็นรัฐมนตรีก็ชงกันเองกินกันเอง ที่สำคัญที่มันที่สุดก็คือพรรคพวกในพรรครัฐบาลทั้งนั้นที่ช่วยส่งข้อมูลมาเพิ่มให้ฝ่ายค้านกะซวกเสียด้วยซ้ำ
        นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โต้นายจิรายุว่า ไม่แปลกใจ ทุกครั้งนายจิรายุจะโหมโรงฉายหนังตัวอย่างแบบโหดทะลุเพดานยิ่งกว่าหนัง Fast & Furious แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลายเป็นดรามา ไม่น่าติดตาม ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไร นายจิรายุจะอภิปรายดุดัน ใช้สำนวนโวหาร ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร และเตรียมข้อมูลไว้แน่นแล้ว หากฝ่ายค้านจะอภิปรายอะไรก็ว่ากันไป รัฐบาลก็พร้อมจะตอบ จะได้เป็นการใช้เวทีนี้โชว์ผลงานของรัฐบาลไปด้วย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์สร้างผลงานไว้มากมาย
        “ที่นายจิรายุบอกว่าฝ่ายรัฐบาลส่งข้อมูลมาให้เพียบนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นความจริง นายจิรายุคงต้องการเร่งแสดงผลงานให้พรรคเห็น ส่วนกรณีที่เตือนรัฐมนตรีที่ไม่ถูกอภิปรายว่าจะตรวจสอบบัญชี 2 ถ้ามีหลักฐานจริงคงอภิปรายไปแล้ว ถ้าอยากตรวจสอบก็ตรวจสอบไป แต่เชื่อว่ารัฐมนตรีแต่ละคนก็พร้อมที่จะชี้แจงตามช่องทางต่างๆ แต่อยากเตือนไปยังฝ่ายค้านด้วยว่า ให้ระวังรัฐบาลสวนกลับด้วยข้อเท็จจริงด้วย สุดท้ายหวังว่านายจิรายุจะไม่ใช้มุกเดิม มาบอกว่าให้เป็น ส.ส.ก่อนแล้วค่อยมาพูด เพราะทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะได้ ตราบใดที่อยู่บนข้อเท็จจริงและไม่ได้ทำให้เสียหาย”
    ด้าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ แถลงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาพาดพิงคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นเพียงเสือกระดาษ ไร้น้ำยาว่าในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานในคณะกรรมการฯ เข้าสังเกตการณ์การประชุมทุกครั้ง ยกเว้นประชุมลับ ขอเรียนว่าขณะนี้คณะกรรมการฯ เพิ่งเริ่มทำงาน นายรังสิมันต์ไม่ควรด่วนสรุป ไม่ควรดูถูกดูหมิ่น มันดูเกินงาม นายรังสิมันต์ไม่ได้รู้จักคณะกรรมการฯ ทุกคน ไม่เคยมารับฟังการประชุมว่าหารืออะไรบ้าง อีกทั้งฝ่ายค้านยังปฏิเสธเข้าร่วม ทั้งที่คณะกรรมการฯ ชุดนี้มาจากมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา ยืนยันว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ และตั้งใจหาทางออกเพื่อประเทศ
     “ส่วนกรณีที่ว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้เป็นฝ่ายรัฐบาลนั้น เรายังรอตัวแทนจากฝ่ายค้านอยู่ ก็หวังว่าฝ่ายค้านจะส่งตัวแทนมาเข้าร่วม และอย่าเพิ่งวิจารณ์อะไรมาก ถ้าไม่รู้จักอย่าตัดสิน ว่าอยู่ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ นายรังสิมันต์อย่าคิดเองสรุปเอง แต่ถ้าอยากคิดก็เข้ามาร่วม” นพ.สุกิจกล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"