"อนุพงษ์" สั่งท้องถิ่นเจรจาเบี้ยคนชราซ้ำซ้อน ให้รับผลกระทบน้อยสุด เผยมีปัญหามากกว่า 1.5 หมื่นคน "ศรีสุวรรณ" ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอ มท.แก้ระเบียบจ่ายเงินผู้สูงอายุ วอนรัฐบาลออก กม.นิรโทษกรรมคนแก่รับเงินแบบผิดพลาด
วันที่ 28 ม.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์กรณีเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุว่า เรื่องทั้งหมดมีการจ่ายเงินซ้ำซ้อนกันเกิดขึ้น ซึ่งกรมบัญชีกลางเป็นผู้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย หลังพบข้อมูลช่วงปลายปี 62 ว่า มีการจ่ายเงินผู้สูงอายุซ้ำกับคนที่เขารับเงินอื่นๆ ไปแล้ว ซึ่งผิดระเบียบกว่า 1.5 หมื่นคน มีหลายกรณี โดยเป็นเรื่องทางกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนกระแสที่เกิดขึ้นเพราะมีการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุที่ลูกได้เสียชีวิตลง และเขาได้รับเงินซ้ำซ้อน เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว จะหาทางออกด้วยกฎหมาย โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน
“ขณะนี้เบื้องต้นเราหาทางออกด้วยวิธีเจรจา รอมชอม เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ทางกฎหมายมีคำสั่งให้หาวิธีที่เหมาะสม ต้องดูรายละเอียดกฎหมายว่าจะแก้ไขอย่างไร ขั้นต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจาไปก่อน” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ขอให้เร่งตรวจสอบกรณีกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพราะได้รับเงินบำนาญพิเศษ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายจังหวัด อาทิ กรณีนางบวน โลห์สุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน 10 ปี เป็นเงิน 84,000 บาท เนื่องจากได้รับบำนาญกรณีบุตรชายที่เป็นทหารเสียชีวิต นางทิม สังข์สนิท จ.บุรีรัมย์ ถูกเรียกเงินคืน 121,800 บาท เนื่องจากได้รับบำนาญกรณีลูกชายที่เป็น ตชด.เสียชีวิต นางมาก ช่วยหลำ จ.สุโขทัย ถูกเรียกเงินคืน 93,400 บาท กรณีรับบำนาญบุตรชายเสียชีวิตจากการรับราชการทหาร นางประจวบ ผะดาวัลย์ จ.นครราชสีมา ถูกเรียกเงินคืน 76,400 บาท กรณีรับเงินบำนาญพิเศษของสามีที่เป็น ตชด. นางฟอง อินต๊ะปัญญา จ.เชียงราย ถูกเรียกเงินคืน 99,200 บาท หลังได้รับบำนาญกรณีบุตรชายที่เป็นทหารเสียชีวิต และนางมะลิ เณรแขก จ.ชัยนาท ถูกเรียกเงินคืน 102,800 บาท กรณีแม่รับเงินบำนาญพี่ชายที่เป็นทหารอากาศเสียชีวิต
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การออกระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่เป็นธรรมต่อประชาชน จนทำให้กรมบัญชีกลางสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปเรียกเก็บเงินคืน ขอให้ผู้ตรวจฯ พิจารณาและเสนอแนะไปยัง มท. เพื่อให้แก้ไขระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 โดยให้ยกเลิกที่กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า ต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน และเสนอไปยังกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางให้ระงับการเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั่วประเทศ รวมทั้งเสนอไปยังรัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้สูงอายุต่างๆ ทั่วประเทศที่ได้รับเบี้ยบำนาญพิเศษต่างๆ ที่ผิดพลาดมาก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศ
ด้านนายปิยะกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องนี้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินให้ความสนใจ ทางสำนักงานฯ จะเร่งรัดและเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมผู้ตรวจฯ พิจารณาโดยเร็วที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |