"เทพไท" หลุดเก้าอี้ ส.ส.! ศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์ให้สิ้นสุดลงตั้งแต่ 16 ก.ย.63 สิ้นสภาพ ชี้ไม่อาจไว้วางใจในความสุจริตและไม่สมควรให้มีอำนาจการเมือง กกต.จ่อเคาะ 7มี.ค.เลือกตั้งซ่อม ปชป.นัดถก กก.บห. ขอพรรคร่วมรัฐบาลหลีกทาง พชปร.ไม่สนเตรียมส่ง "อาญาสิทธิ์" แก้มือ พรรคกล้าร่วมวงด้วย
เมื่อวันที่ 27 มกราคม เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) มาตรา 96 (2) จากเหตุศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 โดยศาลเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 101 กำหนดให้ความเป็น ส.ส.เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง และสิ้นสุดลงได้ด้วยเหตุต่างๆ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งตามประเด็นแห่งคดีนี้ โดยมาตรา 101 ประกอบมาตรา 98 (4) ตามประเด็นแห่งคดีบัญญัติให้ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง เมื่อมีลักษณะต้องห้ามไม่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 96 (1) (2) (4) โดย (2) บัญญัติให้บุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น มีการแก้ไขเพิ่มเติมจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาว่า ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ สอดคล้องกับหลักการ ที่คำพิพากษาของศาลย่อมมีผลใช้บังคับได้จนกว่าศาลสูงมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น
ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ใดแล้ว ผู้นั้นย่อมมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งทันที ตามมาตรา 96 (2) และเป็นลักษณะของบุคคลห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตามมาตรา 98 (4) การที่รัฐธรรมนูญนำลักษณะต้องห้ามการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งมากำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุด
“เนื่องจาก ส.ส.เป็นบุคคลผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องได้รับการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และลักษณะต้องห้ามเพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ทำหน้าที่ ส.ส.จะต้องเป็นบุคคลที่มีความประพฤติและคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของสาธารณชน ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต ปราศจากเหตุมัวหมอง ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร การที่ ส.ส.ผู้ใดทำผิดจนศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 ( 2) ส.ส.ผู้นั้นย่อมไม่อาจอยู่ในฐานะที่จะไว้วางใจในความสุจริตได้ และไม่สมควรให้เข้ามามีอำนาจในทางการเมือง” ศาลระบุ
ข้อโต้แย้งของนายเทพไทผู้ถูกร้องที่อ้างว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติเหตุต่างๆ ที่มีผลให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง แต่ไม่ได้ระบุถึงเหตุเกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 96 (2) ไว้โดยตรงจึงไม่มีผลให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุด นอกจากนี้ การถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96(2) จะต้องเกิดขึ้นในวันเลือกตั้งเท่านั้น ศาลเห็นว่าเมื่อตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) มาตรา 98 และมาตรา 96 (2) ประกอบกันแล้วหากมีเหตุตามมาตรา 96 และมาตรา 98 ระหว่างการดำรงตำแหน่งก็มีผลทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงได้ มิใช่เป็นเพียงลักษณะต้องห้ามขณะที่นายเทพไทใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือขณะใช้สิทธิเลือกตั้ง
ส่วนที่นายเทพไทแย้งว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ต้องสิ้นสุดลงทั้งที่คำพิพากษาในคดียังไม่ถึงที่สุดเป็นผลร้ายและก่อให้เกิดความเสียหาย ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (9) (10) (11) ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง ที่ให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาเพื่อให้มีการพิสูจน์ความจริงก่อนคดีถึงที่สุดเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นกรณีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101( 6) ประกอบมาตรามาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) ซึ่งใช้คำว่า "อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่" ไม่ได้ใช้คำว่าคำพิพากษาถึงที่สุด บทบัญญัติลายลักษณ์อักษรมีความชัดเจนไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ หมายความว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ต้องสิ้นสุดลงเมื่อต้องคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดยไม่ต้องรอคดีถึงที่สุดก่อน
สำหรับที่อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง โดยให้สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้นั้น กรณีของนายเทพไท เป็นการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมทางรัฐธรรมนูญในปัญหาเกี่ยวกับความถูกต้อง สมบูรณ์ของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องพิจารณาลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ข้อโต้แย้งดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน เมื่อวันที่ 28 ส.ค.63 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่มีคำพิพากษา สมาชิกภาพ ส.ส.จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96(2)
ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปมีว่าสมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงนับแต่เมื่อใด เห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไทให้สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง จึงวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไทสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6 ) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายเทพไทหยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 16 ก.ย.2563 และถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคือวันที่ 27 ม.ค.64 เป็นวันที่ตำแหน่งสมาชิก ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งว่างลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 102
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ในกรณีดังกล่าว ขณะเดียวกันมีรายงานว่า การเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องดำเนินการภายใน 45 วันนั้น คาดว่าคณะกรรมการ?การ?เลือกตั้ง?จะกำหนดให้วันที่ 7 มี.ค.เป็นวันเลือกตั้ง และวันที่ 11-15 ก.พ. เป็นวันรับสมัครเลือกตั้ง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังศาลมีคำพิพากษา นายเทพไทได้ร้องเพลงชื่อ “เปิดตัวเปิดใจ เทพไท เสนพงศ์” ก่อนแถลงว่า น้อมรับคำวินิจฉัยของศาลทุกประการ แต่ในส่วนของคดีอาญาอยู่ในชั้นอุทธรณ์ และต้องสู้ในชั้นฎีกาอีก อย่างไรก็ตาม ในศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกตน และมีข้อสงสัยเรื่องคุณสมบัติ จึงได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ขอเรียนว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด แต่คำถามต่อมาคือถ้าหากตนชนะในศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แต่ตนได้สูญเสียสถานะการเป็น ส.ส.ไปแล้ว ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเยียวยาให้ตำแหน่งกลับคืนมาได้ ทั้งหมดไม่ได้เป็นความผิดของใคร ตนคิดว่าเป็นจุดอ่อนจุดบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่เขียนในลักษณะที่เป็นปัญหา ตามปกติจะต้องให้คดีถึงที่สุดถึงจะมีข้อยุติในเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดอ่อนอีกหลายจุดที่เป็นประเด็นต้องถกเถียงกัน ซึ่งเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ที่จะมีขึ้นในอนาคต
สำหรับการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคลงแทนตนนั้น เป็นหน้าที่ของกรรมการสรรหาและคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะสรรหาตัวผู้สมัครต้องไปคุยกัน ทำไพรมารีโหวตว่าจะสนับสนุนใครเป็นตัวแทน และตนมีสิทธิ์เสนอชื่อเช่นกัน เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม
"ขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาสเป็น ส.ส.มา 20 ปี ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ และหลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะมีบทบาทเป็นนักการเมืองนอกสภาคนหนึ่ง" นายเทพไทระบุ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ เปิดเผยว่า พรรคจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เวลา 16.00 น. ซึ่งน่าจะมีการนำเรื่องนี้มาหารือด้วย ส่วนการพิจารณาหาตัวบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมนั้น คิดว่าควรสอบถามความคิดเห็นของนายเทพไทก่อนว่าใครเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมจะลงสมัคร ส.ส.แทน ซึ่งบรรดา ส.ส.พรรคใน จ.นครศรีธรรมราชเห็นเช่นเดียวกัน
“ปัญหาที่สำคัญกว่านั้น และเรายังกังวลอยู่ คือท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่อยู่ร่วมรัฐบาลด้วยกันจะไม่ส่งคนลงแข่งขันกันเอง ดังนั้นในครั้งนี้ควรใช้วิธีปฏิบัติดังกล่าว ซึ่งผมจะเสนอประเด็นนี้ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารด้วย ว่าขอให้แกนนำพรรคไปพูดคุยกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลว่าขอไม่ให้มีการส่งคนลงสมัครแข่งขันกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตนี้ แล้วปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์แข่งขันกับฝ่ายค้านหรือพรรคอื่นๆ ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล เชื่อว่าที่ประชุมจะเห็นด้วย แล้วจะนำไปสู่การที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป” นายนิพิฏฐ์ระบุ
ขณะที่นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เบื้องต้น ส.ส.ภาคใต้ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพร้อมที่จะสนับสนุนนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครคนเดิมของพรรค ซึ่งเป็นคู่แข่งกับนายเทพไท ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส่วนข้อสรุปที่ชัดเจนต้องรอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาแนวทางและตัวบุคคลที่เหมาะสมต่อไป
นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า เปิดเผยว่า วันที่ 28 ม.ค. เวลา 14.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมผู้บริหารพรรค จะแถลงพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งแรก ส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่สนามไดรฟ์กอล์ฟ Par3 วังหิน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |