การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในบ้านเรา ยังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงในแต่ละวัน เวลานี้ประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ตื่นตัวป้องกันอย่างเต็มที่ ช่วยตัวเอง ไม่ให้เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จะสร้างผลกระทบตามมา ยังเป็นการช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ ไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ทรุดหนักลงไปอีก 

                ภาพเก่าๆ ล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างมาก คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก หลายภาคส่วนให้ความร่วมไม้ร่วมมืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับสภาผู้แทนราษฎร ต้นปีใหม่

                ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด ผู้ที่เดินทางมาสภาฯ ต้องสวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่ต้องเกรงใจคนที่มาร่วมประชุม หรือมาติดต่อธุระ จะใหญ่มาจากไหน ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

                เช่นเดียวกับ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการป้องกันตัวเองและผู้อื่น สวมใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือตลอดเวลา ไม่รู้ว่าระยะหลังเกิดการเผลอไปบ้างหรือเปล่า

                เป็นเหตุให้ ครูแก้ว-ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ต้องออกมาเน้นย้ำระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 

            “มีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า การประชุมสภาฯ มีการถ่ายทอดสดออกไปสู่สาธารณะ แต่ปรากฏว่า ส.ส.จำนวนมากเกินครึ่ง ยกเว้นผู้อภิปราย ไม่สวมหน้ากากอนามัย พี่น้องประชาชนถามว่า ท่านผู้ทรงเกียรติควรเป็นแบบอย่างของประชาชนโดยทั่วไปใช่หรือไม่ ก็ตอบไม่ได้ แต่ได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่า ส.ส.อาจจะเผลอ แต่จากนี้ไปจะสวมหน้ากากอนามัยทุกคน ขอให้สบายใจได้”

                รองประธานสภาฯ ยังย้ำอีก...

            “บางท่านสวมหน้ากากอนามัยไว้ที่คาง ไม่ได้ป้องกันอะไรนะครับ เราควรเป็นแบบอย่างให้ประชาชน ขอให้สวมใส่ Mask ด้วย ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย” 

                มาตรการสภาฯ เข้มงวด กวดขัน ทั้งผู้ที่ต้องเดินทางมาประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ส.ส.ที่เดินทางมาประชุม เจ้าหน้าที่สภาฯ สื่อมวลชน ที่มีการตรวจอย่างเข้มงวด ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว หากเป็นไปได้อยากให้ลองพิจารณาตรวจสอบไปถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ยังต้องเข้ามาทำงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ยังไม่แล้วเสร็จดี จะดียิ่งขึ้น

                โควิดไม่เลือกเวลา สถานที่ บุคคล อย่างไรกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอน.

ม้าไม้