ระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีโบสถ์คริสต์ 3 แห่งในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซียเมื่อเช้าวันอาทิตย์ สังหารคนอย่างน้อย 11 ราย ตะลึงมือระเบิดเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ทั้งพ่อ แม่ และลูกสาว 2 คนวัยแค่ 9 และ 12 ขวบ ส่วนที่ฝรั่งเศส มือมีดไล่แทงคนกลางเมืองดับ 1 ไอเอสอ้างผลงานทั้ง 2 เหตุการณ์

     เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) กล่าวอ้างว่าอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2561 และที่เมืองสุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของอินโดนีเซีย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม เหตุการณ์ที่กรุงปารีส คนร้ายก่อเหตุเพียงลำพังโดยใช้มีดเป็นอาวุธไล่แทงผู้คนบนถนนมอสซิกนีภายในย่านโรงละครและร้านอาหารใกล้กับโรงละครแห่งชาติ สังหารชายวัย 29 ปีเสียชีวิต และทำให้มีคนบาดเจ็บอีก 4 คน ก่อนที่ตำรวจจะวิสามัญฆาตกรรมเขา 

     ตำรวจอ้างคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ว่า มือมีดรายนี้ร้องตะโกนสรรเสริญพระอัลลอฮ์ไปด้วยระหว่างก่อเหตุเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2561 (02.00 น.วันอาทิตย์ของไทย) 

     การสอบสวนของตำรวจในเวลาต่อมาพบว่า คนร้ายรายนี้ชื่อคัมซัต เอ. เป็นชายวัย 20 ปี เกิดที่สาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซีย ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเมืองสตราสบูร์ก เขาได้รับสัญชาติฝรั่งเศสเมื่อปี 2553 รายงานข่าวของสื่อรัสเซียกล่าวว่า สถานทูตรัสเซียในกรุงปารีสกำลังขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเกี่ยวกับคนร้ายรายนี้ ขณะที่พ่อแม่ของเขาถูกตำรวจควบคุมตัวไว้สอบปากคำแล้ว 

     เอเอฟพีรายงานอ้างแหล่งข่าวในกระบวนการตุลาการของฝรั่งเศสว่า คัมซัตไม่มีประวัติก่อคดีอาญา แต่ตัวเขาอยู่ในบัญชีเฝ้าจับตา "แฟ้มเอส" ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยหัวรุนแรง และมีชื่อในแฟ้มรายชื่อป้องกันผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 2559 แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยด้วยว่า เขาเคยถูกพนักงานสอบสวนหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสอบปากคำเมื่อปีที่แล้ว เพราะเขารู้จักชายคนหนึ่งที่ติดต่อกับบุคคลคนหนึ่งที่เดินทางไปซีเรีย 

     ภายหลังเหตุการณ์นี้ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ประกาศว่าทหารของตนรายหนึ่งก่อเหตุโจมตีที่กรุงปารีสในครั้งนี้ แต่คำแถลงไม่ได้ให้หลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของพวกเขา 

     กลุ่มไอเอสยังได้อ้างว่าอยู่เบื้องหลังการระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีโบสถ์คริสต์ 3 แห่งในเมืองสุราบายา จังหวัดชวาตะวันออกของอินโดนีเซีย ระหว่างการประกอบพิธีเมื่อเช้าวันอาทิตย์ด้วยเช่นกัน การโจมตีที่เกิดโดยพร้อมเพรียงนี้สังหารผู้คนอย่างน้อย 11 คน และทำให้บาดเจ็บมากกว่า 40 คน ตำรวจอินโดนีเซียเปิดเผยว่า คนร้ายเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันทั้งหมด 

     ติโต คาร์นาเวียน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า มือระเบิดประกอบด้วย พ่อและแม่, ลูกสาว 2 คน อายุ 9 และ 12 ปี และลูกชาย 2 คน อายุ 16 และ 18 ปี ครอบครัวนี้มีความเกี่ยวโยงกับเครือข่ายหัวรุนแรง ญะมาอะห์อันชารุตดาอุเลาะห์ (เจเอดี) ของอินโดนีเซีย ซึ่งสนับสนุนกลุ่มไอเอส มือระเบิดคนแม่ชื่อปูจี คุสวาตี และลูกสาวทั้งสอง สวมชุดนิกอบคลุมร่างมิดชิดและปิดบังระเบิดที่พวกเธอคาดไว้ที่เอว เข้าไปภายในโบสถ์คริสเตนอินโดนีเซียดิโปเนโกโร แล้วจุดชนวนระเบิดตัวตาย

     ส่วนคนพ่อนั้น นายตำรวจผู้นี้ระบุว่าชื่อดิตา ปริยันโต เป็นแกนนำกลุ่มย่อยของเจเอดี ขับรถยนต์บรรทุกระเบิดเข้าไปภายในโบสถ์ศูนย์เพนเทคอสตัลสุราบายา ส่วนลูกชายอีก 2 คนขับรถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุที่โบสถ์ซานตามาเรียแล้วจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย "ทั้งหมดล้วนเป็นการโจมตีฆ่าตัวตาย แต่ใช้ระเบิดต่างชนิดกัน" คาร์นาเวียนกล่าว "เหตุการณ์นี้เกี่ยวโยงถึงกลุ่มเจเอดี" 

     กลุ่มเจเอดีนี้เกี่ยวข้องกับการโจมตีนองเลือดหลายครั้ง รวมถึงการโจมตีฆ่าตัวตายในกรุงจาการ์ตาเมื่อปี 2559 ที่คนร้าย 4 คนและพลเรือน 4 คนเสียชีวิต เหตุการณ์นั้นเป็นการโจมตีที่กลุ่มไอเอสอ้างผลงานครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตำรวจอินโดนีเซียเผยเมื่อวันอาทิตย์ด้วยว่า ตำรวจได้สังหารสมาชิกเจเอดี 4 คนในการยิงปะทะกันระหว่างการบุกจู่โจมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลจับผู้คุมเป็นตัวประกันภายในเรือนจำชานกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษถูกสังหาร 5 รายและนักโทษถูกฆ่า 1 ราย เหตุการณ์นี้กลุ่มไอเอสก็อ้างว่าคนของตนก่อเหตุเช่นกัน.