ขออนุญาตว่ากันแบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ๆ


เพิ่มเพื่อน    

 

      หลังๆ มานี้...คงต้องสารภาพตรงๆ ว่าวันๆ แทบไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี ยิ่งภายใต้บรรยากาศที่อะไรต่อมิอะไรมันออกไปทางจ๊วบๆ จ๊าบๆ บ๊วบๆ ด๊วบๆ มันยิ่งกลายเป็นตัวลดแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง สุงสิง ไม่ว่าในแง่ของการปกป้อง การเชลียร์ หรือการรุมด่า รุมถล่ม ซึ่งไม่น่าจะช่วยให้อะไรดีๆ ขึ้นมาได้ ด้วยกันทั้งนั้น...

                                                      -------------------------------------------------------

      แต่ครั้นจะฉีกกรอบ ฉีกแนว ไปว่ากันเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการบ้าน การเมือง ซักเท่าไหร่ ก็หาจุด หาประเด็น แทบไม่เจอ จะไปว่ากันเรื่อง รักๆ-ใคร่ๆ แบบที่ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านฉีกไปว่ากันเรื่อง พี่แหลม กับ น้องเก๋ อะไรทำนองนั้น นอกจากตัวเองจะไม่ได้เป็น กูรู-กูรู้ ในเรื่องทำนองนี้ ยังหนักไปทางผู้ไม่ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ โอกาสจะไปชี้แนะ ชี้นำ ใครต่อใครเขาคงลำบาก ส่วนเรื่องที่ใครต่อใครเขาชอบ แชร์กันสนั่นเมือง หยิบเอาคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดีย มาว่ากันจนกลายเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง หรือข่าวเด่น ข่าวดัง ทางโทรทัศน์ ทีวี ไปจนได้ ส่วนใหญ่...มันก็มักไม่ค่อยตรงกับรสนิยมตัวเอง จนแทบไม่เคยคลิก เคยดู เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                        ----------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...นับวัน ชักเริ่มรู้สึกตัวเอง ค่อยๆ กลายไปเป็นพวก 1.0 ท่ามกลางกระแสสังคมแบบ 4.0 เข้าไปทุกที เท่าที่ยังพอเหลือๆ แง่มุมให้น่าคิด น่าติดตาม อยู่บ้าง ออกจะหนักไปทางเรื่องโลก เรื่องต่างประเทศ ซะเป็นหลักใหญ่ แต่เผอิญต้องหยิบเอาเรื่องทำนองนี้ ไปสังเคราะห์ให้สื่อช่องอื่น ฉบับอื่น ซะก่อนหน้านี้ ถ้าหากจะนำเอามา ฉายซ้ำ ในไทยโพสต์กันอีกที ก็ออกจะเป็นการ บาย โปรดักต์ จนเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เลยออกอาการตื้อๆ ตันๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งประกอบกับแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ มันชักน้อยลงๆ อย่างที่เอาไว้แล้วตอนต้น ก็เลยต้องว่ากันไปใน แบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ๆ ไปเรื่อยๆ นั่นแหละทั่น...

                                                         --------------------------------------------------------

      คือไม่ว่าบ้านเมือง การบ้าน การเมืองของเรา มันจะออกมาในลักษณะไหน แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า มันออกจะก่อให้เกิด ความเบื่อหน่าย ต่อผู้คนจำนวนไม่น้อย ยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านร้อน ผ่านหนาว มานานเต็มที เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ออกไปทางซ้ำไป-ซ้ำมา ไม่คิดจะไปไหน ทำท่าว่าจะวนไป-วนมาอยู่ภายใต้วัฏจักร วงจร ที่เรียกขานกันในนาม วงจรอุบาทว์ มาร่วมๆ เกือบศตวรรษเข้าไปแล้ว เคยมีอดีตนักเขียนเยอรมันระดับโนเบล ไพรซ์ ชื่อว่านาย Heinrich Boll จะออกเสียงตามสำเนียงเยอรมัน สำเนียงอังกฤษ กันแบบไหน อย่างไร คงต้องไปสะกดกันเอาเอง แต่ท่านเคยเอ่ยเป็นวาทะเอาไว้น่าคิด น่าสนใจ อยู่ไม่น้อย ประมาณว่า... พื้นฐานแห่งการปฏิวัติ มีที่มาจากความเบื่อหน่าย อะไรทำนองนั้น...

                                                             -----------------------------------------------------

      แต่บ้านเรานั้น...การ ปฏิวัติ แบบจริงๆ จังๆ มันแทบไม่ได้เคยเกิดขึ้นมาเลย หนักไปทาง รัฐประหาร ซะเป็นหลัก ความเบื่อหน่ายมันเลย ตกผลึก กลายเป็นอะไรต่อมิอะไรที่ต้องวนกันไป-วนกันมา หรือต้อง อยู่ๆ กันไป ตามแต่ละสภาพ สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า ถ้าหากมัน ตกผลึก นานๆ เข้าไว้ โอกาสที่วันใด-วันหนึ่ง มันจะเป็นไปตาม วาทะ ของนักเขียนเยอรมันรายที่ว่า มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสนใจ มิใช่น้อย เผลอๆ...อาจกลายเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจให้กับใครต่อใครอยู่ไม่น้อยในช่วงระหว่างนี้ หรือระหว่างที่อะไรต่อมิอะไรทำท่าว่าจะวนไป-วนมา หวิดร่วมๆ ศตวรรษมาแล้ว...

                                                             --------------------------------------------------------

      การมองหาอะไรใหม่ๆ หรือมองเห็นอะไรใหม่ๆ จึงทำให้เกิดการพูดจา หรือแม้แต่ซุบซิบนินทา ในวงข้าว วงเหล้า ได้อย่างเมามันซ์ซ์ซ์ซะยิ่งกว่าการพูดจากันในเรื่องการดูด การบ๊วบ ในช่วงระยะนี้ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เหมือนอย่างที่ท่าน ส.ว. สนช. หรือ ส.อะไรก็จำไม่ได้ซะแล้ว ที่เรียกๆ กันว่า อาจารย์วันชัย ท่านออกมาให้ฮินท์ ให้สัญญาณการเมืองในอนาคตเบื้องหน้า เอาไว้เมื่อวันสองวันที่ผ่านมานั่นแหละ แต่สุดท้ายแล้ว...มันจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ อย่างไร ด้วย กรรมวิธี แบบไหน และที่สำคัญที่สุดก็คือ มีน้ำหนักความชอบธรรม รองรับเอาไว้มากหรือน้อยเพียงใด??? อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าติดตาม เอามากๆ...

                                                             ---------------------------------------------------------

      สรุปเอาเป็นว่า...ภายใต้สภาพที่อะไรต่อมิอะไรยังออกไปทางแบบเก่าๆ เดิมๆ มันเลยกลายเป็นตัวลดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ ให้ต้องเขียนอะไร แบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ เช่นนี้นั่นแหละทั่น ส่วนอะไรที่จะนำมาซึ่งสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ทำให้ ความเบื่อหน่าย มันไม่กลายไปเป็น พื้นฐานแห่งการปฏิวัติ อย่างที่อดีตนักเขียนรางวัลโนเบล ไพรซ์ ได้สร้างเป็นวาทะเอาไว้ มันจะเป็นอะไรกันแน่นั้น ก็คงต้องตั้งจิตอธิษฐาน ภาวนา ให้สิ่งนั้นๆ ตั้งอยู่บน ธรรมะ หรือ ความเป็นธรรม ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...นั่นแล...

                                                                ------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anonymous... Life remains the same until the pain of remaining the same becomes greater than the pain of change.- ชีวิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่าความเจ็บปวดจากความนิ่งเฉย จะมากกว่าความเจ็บปวดแห่งการเปลี่ยนแปลง...

                                                                -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"