26 ม.ค.64-   เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา นายวิไลศักดิ์  วรรรศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และผู้แทนผู้ปกครอง รวมไปถึงคณะครู ทำการตรวจสอบมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยสูงสุดเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดทำการเรียนการสอนก่อนที่จะมีการสอบกลางภาคในสัปดาห์หน้า  

โดยคณะได้ตรวจสอบระบบการจัดการการเข้า-ออกของโรงเรียนที่กำหนดให้เข้าและออกได้เฉพาะประตู 1 เท่านั้น โดยมีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายของผู้ที่เข้ามาในเขตโรงเรียนทุกคน อีกทั้งยังคงกำหนดให้ทุกคนเช็คอินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดไทยชนะ และการให้บริการเจลแอลกอฮออล์ล้างมือ ขณะที่แกนนำนักเรียนสมาชิกชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ยังคงได้มีการแนะนำประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเน้นย้ำให้นักเรียนทุกคนนั้นปฎิบัติตามคำแนะนำของทางการในเรื่องของความปลอดภัยและการป้องกันตนเองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามโครงการโรงเรียนใส่ใจ ปลอดภัยไร้โควิด-19 ทั้งนี้ในช่วงของการเดินตรวจสอบมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตโรงอาหารคณะฯพบนักเรียน 2 คนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยุ่จึงเข้าไปสอบถามทราบว่า นักเรียนทั้ง 2 นั้นมาเรียนผิดวัน แต่คณะครูอนุญาตให้ทำการเรียนแบบออนไลน์ได้ ในพื้นที่ที่กำหนด และผมหิวก็เลยขออนุญาตคุณครูทานอาหารและเรียนไปด้วยครับ  ทำให้นักเรียนทั้ง 2 ทำการเช็คชื่อและทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารเช้า สร้างสีสัน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราให้กับคณะครู และเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจติดตามมาตรการอย่างมาก เนื่องจากนักเยนมีการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันกันอย่างเข้มงวดและเป็นไปตามที่โรงเรียนกำหนดทั้งหมด 

นายวิไลศักดิ์  วรรณศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนกัลยาณวัตร กล่าวว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้เป็นการเปิดทำการเรียนการสอนที่ให้คณะครูและนักเรียนมาพบกันและจัดระบบการเรียนการสอนแบบนิวนอมอล โดยมีการสลับการเรียนการสอนกันไปคือห้องคู่และห้องคี่ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้ ม.1/1,ม.5/3 หรือ ม.4/1 มาทำการเรียนการสอน ขณะที่ห้องเลขคู่ทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดยังคงจัดการเรียนการสอนตามตารางเรียนเดิมทั้งหมด และในสัปดาห์หน้าจะเข้าสู่การสอบกลางภาคเรียน 

“ เรามีการแบ่งห้องเรียนออกเป็นแบบครึ่ง-ครึ่ง จำกัดจำนวนห้องเรียนห้องละ ไม่เกิน 22 คน เท่ากับว่าวันนี้ 1 ห้องเรียน จะถูกแบ่งออกเป็น 2ห้องเรียน โดยที่คณะครูจะทำการเรียนการสอนเฉกเช่นปกติ และนักเรียนทุกคนนั้นก่อนเข้าห้องเรียนจะต้องเช็คอินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดที่โรงเรียนกำหนด มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาของการเรียน การทำความสะอาดโต๊ะเรียน เมื่อหมดคาบเรียน  โดยที่โรงเรียนได้จัดน้ำยาทำความสะอาดมอบให้กับห้องเรียนทุกห้อง ขณะเดียวกันหากพบว่านักเรียนคนใดหน้ากากอนามัยชำรุดก็สามารถนำหน้ากากอนามัยเก่ามาแลกหน้ากากอนามัยใหม่ กับคณะครูได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ” 

นายวิไลศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการจัดระบบโรงอาหารนั้นได้กำหนดแบบเหลื่อมล้ำเวลา คือหยุดพักไม่พร้อมกัน และแต่ละระดับชั้นจำกัดเวลาในการรับประทานอาหารไม่เกิน 20 นาที เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนและลดความแออัดของโรงอาหารและการรวมกลุ่มกันให้มากที่สุด โดยมีครูเวรคอยกำกับการรับประทานอาหารในจุดที่กำหนด เช่นเดียวกันอาหารในระดับชั้น ม.1 ที่มีการจัดอาหารกลางวันไว้บริการแบบส่วนตัว ขณะที่ร้านอาหารอื่นๆก็มีการกำหนดการควบคุมพื้นที่ การเว้นระยะห่าง และการจัดเรียงลำดับการให้บริการอย่างรัดกุมเช่นกัน 

 “ โรงเรียนของเรามีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 3,600 คน หากนับรวมคณะครู ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ หากสถานการณ์ปกติจะมีบุคคลเข้า-ออกโรงเรียนวันละเกือบ 4,000 คน ดังนั้นในระยะนี้เหลือจำนวนบุคคลที่เข้าและออกโรงเรียนประมาณ 2,000 คนเท่านั้น และคณะครูทุกคนจะเป็นด่านแรกที่ตรวจคัดกรองนักเรียนหากพบมีไข้สูง หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ก็จะมีการนำนักเรียนดังกล่าวไปไว้ในจุดพักคอยที่กำหนดเพื่อส่งต่อระบบการบริการทางการแพทย์ทันที รวมไปถึงการร่มกันตรวจสอบกันเองภายในโรงเรียนซึ่งหากพบว่าคณะครู หรือผู้ปกครอง หรือนักเรียน ที่เดินทางไปในพื้นที่จังหวัดกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเมื่อกลับมาก็ขอให้หยุดกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรคุมเข้มความปลอดภัยสูงสุด”.