www.thaipost.net ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" Line ID:@thaipost นับถอยหลัง 3 สัปดาห์เป๊ะได้เลย เมื่อพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รอบใหม่ พร้อมกับรัฐมนตรีอีก 9 คน รวมเป็น 10 คน ซึ่งได้ยื่นต่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.2564) กำหนดวันนัดอภิปรายไว้ก่อนหน้านี้ คือวันที่ 16-19 ก.พ. ลงมติวันที่ 20 ก.พ.2564 ...0

            รายชื่อทั้ง 10 คน มีทั้งหน้าเดิมและหน้าใหม่เพิ่มเติมจากครั้งก่อน โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “จุติ ไกรฤกษ์” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ จะถูกอภิปรายเป็นคนที่ 11 ด้วย แต่ถูกถอนชื่อไป เพราะเนื้อหายังไม่ครอบคลุม ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในรายชื่อเช่นเดียวกับครั้งก่อน แต่การไม่ถูกอภิปรายในที่ประชุมสภาเพราะหมดเวลาครั้งนั้น ทำให้เกิดข้อกังขามาแล้ว ในรอบใหม่นี้ยังต้องลุ้นว่าจะได้อภิปรายถึงหรือไม่ ส่วนที่น่าสังเกต เหตุใดถึงไม่มีชื่อ “รัฐมนตรีคลัง” เลยสักคน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเยียวยาวิกฤติโควิด-19 แต่กลับมีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์กันขรม ...0

            จะว่าไป วันที่ 16 ก.พ. อันเป็นวันแรกในกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ถือเป็นวันที่ต้องจับตาอีกเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ระทึก คือการปรับขึ้นราคาค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงสุดถึง 104 บาท ที่ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ยืนยันจะเก็บค่าโดยสารอัตรานี้ในวันดังกล่าว สวนทางกับเสียงประชาชนที่บ่นกันทั่วถึงความแพงเกินไป เมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทย และยังเป็นการสวนกับความเห็นของกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “โสภณ ซารัมย์” ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นประธานกรรมาธิการฯ อีกด้วย ...0

            นอกจากนี้ ทางด้าน “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีกำหนดจะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี, รมว.มหาดไทย และผู้ว่าฯ กทม. เพื่อยับยั้งไม่ให้ขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าดังกล่าวในวันนี้ 26 ม.ค.2564 หากทั้งหมดเป็นผลสำเร็จ ทำให้มีการชะลอยับยั้งออกไป ก็จะเป็นผลดีต่อทั้งประชาชนและรัฐบาล แต่หากไม่เป็นผลแล้วในวันที่ 16 ก.พ.2564 ประชาชนเดินขึ้นรถไฟฟ้าไปเห็นราคาที่แพงขึ้น และบางคนอาจต้องจ่ายค่ารถไฟฟ้า 104 บาท ประกอบกับการดูอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นอย่างไร คิดดูก็แล้วกัน ...0

            ไปที่เรื่อง ป.อาญา ม.112 ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ ตอบคำถามเรื่องนี้อีกครั้ง โดยระบุที่ผ่านมาในช่วงแรกได้ให้โอกาส ไม่ต้องการใช้ ม.112 ปิดปากคนหรือทำร้ายใครทั้งสิ้น ต้องไปดูที่ว่าสิ่งที่เขาทำซ้ำมากี่ครั้งแล้ว รัฐบาลไม่ต้องการที่จะเอาเรื่องนี้มาพันกับเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทิ้งท้ายว่า “ไม่อยากให้เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” อันที่จริงแล้วคนที่โดนดำเนินคดี ม.112 ก็มีทั้งคนที่โดนหลายกระทง มีทั้งคนที่โดนกระทงเดียว หาใช่มีแต่คนทำซ้ำที่โดนเท่านั้น จึงไม่ใช่ประเด็น อีกทั้งตัวคนที่โดน ม.112 มักเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอยู่แล้ว ทั่วโลกจับตาดูเสมอ ตราบใดที่ใช้ก็หนีไม่พ้นที่จะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อยู่ดี ...0

            มีความเห็นฝ่าวิกฤติโควิดจาก “พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แนะนำรัฐบาลควรจะเจรจากับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ให้ลดราคาสินค้าลง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน หรือมีการเก็บภาษีพิเศษหรือภาษีโควิด ใช้หลักการแบ่งปันระหว่างคนรวยกับคนจน ด้าน “เมธา มาสขาว” เลขาธิการ ครป. แนะให้เก็บภาษีทรัพย์สินคนที่มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทขึ้นไปเป็นการเฉพาะกิจ เก็บในอัตราก้าวหน้าอย่างน้อย 3.5% ของทรัพย์สิน จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มมากกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท ส่วนเราขอเสริมสั้นๆ ว่า รัฐบาลกล้าทำขนาดนี้ไหมเพื่อประชาชน ...0.