เป็นความจริงที่ชัดเจนว่า การไปไหนมาไหนระหว่างนี้ เราเองต้องระมัดระวังตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนทั้งกับตัวของเราเอง และครอบครัว หรือแม้แต่สมาชิกทุกส่วนในบ้าน
ในทางกลับกัน การไม่กล้าไปไหนมาไหนกับใครเขาเลย เพราะประหวั่นพรั่นพรึง เกรงกลัว หวาดระแวงว่า ถ้าย่างเท้าออกไปข้างนอกแล้วอาจจะถูกไวรัสโจมตีเกาะติดมากลับบ้านนั้น ก็ดูจะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับคนบางครอบครัวเหมือนกัน
ให้ดีที่สุด.. หลักการใช้ชีวิตยามนี้ ควรจะเดินทางสายกลาง ไม่ใช่ทางสายเปลี่ยว ตึงเสียจนมีโอกาสขาดผึง ในขณะเดียวกัน ก็อย่าประมาท หย่อนยาน ละเลย จนบกพร่อง เปิดช่องให้ไวรัสมาตีสนิทเสียจนรู้ตัวอีกทีก็ต้องหามเข้าโรงพยาบาลนะคะ
ชวนพิจารณากรณีดังกล่าวนี้ ก็เพราะพบว่ามีเพื่อนวัยป้าเป็นจำนวนไม่น้อย เริ่มมีอาการหงุดหงิด บางคนหัวร้อนถึงขนาดฮึดฮัด อึดอัดเสียจนอาละวาดในห้องไลน์ โดยเฉพาะประเภทที่ยึดถือนโยบาย ...อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ...อย่างเข้มข้น ตั้งข้อกล่าวหาเพื่อนบางคนที่ยังเดินทางไปมาออกนอกบ้านเป็นปกติ ว่า ไม่รักชาติบ้านเมือง!!!
ประโยคนี้เท่านั้นแหละ ...เป็นเรื่อง!!! Go So Big กันเลยทีเดียว
แลเห็นบรรยากาศความแตกร้าวในใจ อันเกี่ยวกับวิธีคิด และมุมมองที่แตกต่างกัน บนพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันแล้ว ..สะท้อนภาพความแตกแยกในสังคมไทย อันเกิดจากประเด็นทางการเมืองว่าด้วยคำว่า "ประชาธิปไตย" ขึ้นมาตะหงิดๆ ทีเดียว
นี่ขนาดเรื่องเล็กๆ กระจิ๊ดริด ไม่น่าจะเกิดอาการตีโพยตีพายถึงขั้นบริภาษไม่รักชาติบ้านเมืองกันเลย..จริงไหม คุณจะไปตัดสินคนต้องออกนอกบ้านได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ คุณจะไปเอาความชอบไม่ชอบของคุณเป็นที่ตั้ง แล้วถ้าใครคิดไม่เหมือน ทำต่าง ถือว่าผิดกระนั้นหรือ
สังคมไทยควรจะเรียนรู้ความคิดต่าง และแยกแยะให้เป็น มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่า อะไรที่ถูกใจตัวเอง คือ ถูกต้อง ส่วนที่ไม่ถูกใจก็หาว่าผิด หรือไม่ก็ร้องแรกแหกกระเชอว่า ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้ง เหมือนเด็กอมมือไม่ผิด.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |