“อาคม”ลงพื้นที่ตรวจสนามบินกระบี่ สั่ง ทย.เร่งพัฒนาสนามบินพร้อมปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพื่อรับรองผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันจาก4 ล้านคน เป็น 8 ล้านคน เมื่อสร้างแล้วเสร็จ ระยะที่1 จาก 8 ล้านคนเป็น 16 ล้านคนในอนาคต

13 พ.ค.61-นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานกระบี่โดยได้สั่งการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกจะต้องสอดรับกัน เช่น การผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองให้พิจารณาจัดหาเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติ โดยศึกษาข้อมูลว่า ทย. อาจเป็นผู้ลงทุนและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายคืนจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และเร่งรัดการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ให้เร็วขึ้นจากแผนเดิม โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ 2.1 ระยะที่ 1 ระหว่างปี 2561- 2563 ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 เชื่อมต่อหลังที่ 1 และ 2 งบประมาณ 3,375 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศจากปัจจุบันที่รองรับได้จาก 4 ล้านคนเป็น 8 ล้านคน 

นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบิน และระบบไฟฟ้าสนามบิน งบประมาณ 1,215 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับอากาศยาน Type C (B737 หรือ A320) จากปัจจุบัน 14 ลำเป็น 40 ลำ 2.2 ระยะที่ 2 ระหว่างปี 63 – 65 จัดหาที่ดินและชดเชย เพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้านำร่อง CAT 1 งบประมาณ 350 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางขับขนาน และระบบไฟฟ้าสนามบิน งบประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามาร ในการรองรับอากาศยานในการขึ้นลงต่อชั่วโมง 2.3 ระยะที่ 3 ระหว่างปี 64 - 66 โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ พร้อมลานจอดเครื่องบิน และก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ ของท่าอากาศยานกระบี่จาก ระยะที่ 1 แล้วเสร็จ จาก 8 ล้านคนเป็น 16 ล้านคน ทั้งนี้ในกรณีที่งบประมาณไม่สามารถสนับสนุนได้อาจพิจารณาใช้เงินกู้เนื่องจากท่าอากาศยานกระบี่มีผลการดำเนินการที่มีกำไร

ทั้งนี้เมื่ออาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 เชื่อมต่อกันอาคารหลังที่ 1 และ 2 แล้วเสร็จ ซึ่งจะกลายเป็นอาคารเดียว ให้เปลี่ยนชื่อเป็น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งจะเปิดใช้ในปี 64 ก่อนอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ หลังที่ 1 ที่จะแล้วเสร็จในปี 66