ลัคนาเมษ-จับสัญญาณความฟุ่งเฟืองจากเจ้าคุณธงชัย


เพิ่มเพื่อน    

 

         ภาพลัคนาสถิตราศีเมษและดาวจรสำคัญ

มฤตยูจรเดินอยู่ในราศีเมษ - 8 กรกฎาคม 2565

พระราหูจร (8) เดินอยู่ในราศีพฤษภ - 29 มีนาคม 2565

พระเสาร์จร (7) เดินอยู่ในราศีมังกร - 1 มีนาคม 2566

พฤหัสบดีจร (5) เดินอยู่ในราศีมังกร - จะย้ายเข้าไปเดินในราศีกุมภ์รอบแรกระหว่าง 29 มีนาคม - 27 กันยายน 2564

                พอบทความแม่หมอสมัครเล่นตอนที่แล้วคือตอนที่ 359 เผยแพร่ออกไป ทำนายว่า เมืองรัตนโกสินทร์จะรอดแล้ว - จะฟุ่งเฟืองคนลือเลื่องลาภเหลือหลาย - ตั้งแต่ระหว่าง 29 มีนาคมเป็นต้นไป - 27 กันยายน 2564 (เป็นยกแรก) ปรากฏว่าเรียกเสียงฮือฮาและแขกได้มาก คงเป็นเพราะเป็นคำทำนายที่สวนกระแสการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งความเดือดร้อนยุ่งยากไปยังชาวบ้านให้รัฐบาลต้องอุ้มและม็อบสามนิ้วที่พยายามปลุกระดมกันอีกรอบ

                อันที่จริงไม่ใช่แต่เมืองรัตนโกสินทร์ที่ลัคนาสถิตราศีเมษที่ กำลัง ฟันฝ่าปรากฏการณ์มฤตยูจร (0) เจ้าของภัยอาเพศ/การปฏิวัติใหญ่ทับลัคนา + ราหูจร (8) ค้นทรัพย์ + พฤหัสบดีจร (5)กับพระเสาร์จร (7) ประลองกำลังกันในเรื่องบริหารทำให้รัฐบาลต้องเริ่มรอบใหม่ของการทำงานแบกภาระประชาชนกระทบในหลายๆ เรื่องเท่านั้น

                แต่สำหรับคนทั่วไปที่ลัคนาสถิตราศีเมษด้วยนั้น โหรทั่วๆ ไปก็ดูออกว่าตั้งแต่ระหว่าง 29 มีนาคมเป็นต้นไป - 27 กันยายน 2564 เป็นสัญญาณอันแรกของคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ (มียกเว้นหลักทักษาหากพฤหัสบดีกำลังเป็นกาลกิณีจร) ที่ชีวิตจะเข้ารูปเข้ารอยยกแรก และมีโอกาสจะฟุ่งเฟืองคนลือเลื่องลาภเหลือหลาย ด้วยเกณฑ์ที่เรียกสิงหเกณฑ์ หรือพฤหัสบดีจร (5) เข้าไปเดินในราศีกุมภ์ภพที่ 11 ลาภะของดวงชะตาในขณะนั้น (แม้จะมีเดินผิดปกติ)

                คราวนี้ผู้เขียนจะหาตำราและบุคคลอ้างอิงคือ

                1.ว่าด้วยเมือง และรวมทั้งคนลัคนาสถิตราศีเมษ ไม่ว่าจะเจอเรื่องดี-ร้ายขนาดไหนจะรอด-แคล้วคลาด เพราะระยะนั้น อยู่ในระหว่างพฤหัสบดีเป็นสิบเอ็ด หรือได้สิงหเกณฑ์ เป็นหลักฐานยืนยันจากโหรเอก อาจจะยิ่งกว่าระดับพระยาโหราธิบดี คือ ร.1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ทรงได้ทำนายเค้าสัญญาณการเกิดของปฏิวัติสยาม 2475 ไว้ล่วงหน้า 150 ปี) คือ

                หลักโหรนี้ปรากฏอยู่ในบทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ ตอนพิเภกออกศึกมหาบาล ที่ยกทัพมาตีลงกาจะฆ่าพิเภกเพื่อแก้แค้นทศกัณฐ์

                ขณะนั้นพิเภกรู้ว่าเข้าตาจนแน่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นนักรบเก่งกาจอะไร พระรามและทหารเอกก็ยกทัพกลับไปหมดแล้ว จับกระดานชนวนมาดูดวงชะตาตัวเอง (ไม่ได้มีโปรแกรมใช้เหมือนสมัยนี้) พบว่าชะตามีเกณฑ์ร้ายอื่นเพียบ แต่พฤหัสบดีจรเป็นสิบเอ็ดหรือสิงหเกณฑ์ตัวเดียว ก็รู้ว่ารอดแน่

                ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักการคานอำนาจของดวงดาวว่า…ผิว์สรรพเคราะห์มาดหมาย ให้โทษแก่ลัคนาหลาย พฤหัสบดีให้คุณก็อาจคุ้มภัย…คือดาวอื่นถล่มให้โทษแก่ลัคนาขนาดไหน พฤหัสบดีดวงเดียวให้คุณก็คุมภัยได้

                โดยบทพระราชนิพนธ์ตอนนี้ที่พิเภกรู้ว่าจะมีคนมาช่วยแล้วหนุมานก็ดั้นเมฆมาช่วยคือ

           

…เร่าร้อนฤทัยดังไฟพิษ                            เกรงฤทธิ์มหาบาลยักษา

จึงจับกระดานชนวนมา                         พิเคราะห์ดูชาตาอสุรินทร์(ดูชะตาตนเอง)

เห็นกาลกรรณีร่วมชาติ (กาลกิณีจรร่วมลัคนา)

ลักษณ์ (ลัคนา) จันทร์ต้องฆาฏอยู่ทั้งสิ้น

เสาร์เสริดทับเสาร์ราศีมีน (พระเสาร์จรเดินผิดปกติทับพระเสาร์ดวงเดิม-กรรมเก่าแรง)

แล้วกินนวางค์ลัคนา

แต่พฤหัสบดีนั้นเป็นสิบเอ็ดอยู่       จะมีผู้ช่วยชีพสังขาร์

มิได้ถึงสิ้นชีวี                              อสุราค่อยสร่างสว่างใจ..

                2.เมื่อรอดแล้วผลดีจากพฤหัสบดีเป็นสิบเอ็ดก็จะตามมา ตามตำราที่ประพันธ์โดยหลวงวิศาลดรุณกร ครูโหรผู้ล่วงลับคือเมือง และท่านที่ลัคนาสถิตราศีเมษจะเข้าสู่สภาวะ……จะฟุ่งเฟืองคนลือเลื่องลาภเหลือหลาย…และอีกตำราลอกมาจากของ อ.เทพย์ สาริกบุตร ครูโหรผู้ล่วงลับ คือ ..จะได้ความสุขทางใจ การสังคมจะส่งผลดีให้ มิตรสหายจะให้ความอุปการะ..

            นี่คือเรื่องของโหรบ้าตำราอย่างผู้เขียน ที่เชื่อมั่นว่าดวงเมืองรัตนโกสินทร์ที่ลัคนาสถิตราศีเมษถึงอย่างไรก็จะรอดจากโควิดระลอกที่สอง แล้วจะกลับมาฟุ่งเฟืองอีกรอบ (แม้คำนี้จะไม่มีในพจนานุกรม)

                แต่ก็อีกนั่นแหละ โหรท่านอื่นหากใช้หลักเข้าจับแล้วย่อมรู้ดีถึงการรอดและจะฟุ่งเฟืองจากสิงหเกณฑ์นี้ รวมทั้ง สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ เจ้าคุณธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม ที่ลูกศิษย์ของท่าน คุณวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ได้ นำสัญญาณดวงเมืองที่ส่งออกจากท่านมาโพสต์เฟซบุ๊ก ให้ทราบกันตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2563 สรุปว่า..

  ต้องระวังตัวกันเสมอ ตั้งแต่ต้นปี 2564 เพราะเรื่องดีร้ายจะเกิดคู่กัน เช่นโควิด-19-ม็อบ ฯลฯ

                ครั้นตั้งแต่ 29 มีนาคม 2564 (เป็นต้นไป) พฤหัสบดีจร (5) จะแยก (จากพระเสาร์จร 7) เข้าราศีกุมภ์ เริ่มความลงตัวในบ้านเมือง แต่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เป็นเพียงปฐมบท เพราะมฤตยูจร (0) ยังทับลัคนาราศีเมษกันอยู่ วิธีการรับมือคือให้สู้ด้วย Change Innovation (วิทยาการใหม่ๆ)

                ผู้เขียนก็สรุปรวมให้ว่า เรื่องดี-ร้ายสามารถเกิดกับทุกคนได้ตลอดเวลานั้น ท่านที่ลัคนาสถิตราศีเมษ รวมทั้งเมืองรัตนโกสินทร์ ที่ถูกเขย่าชีวิตมีมากมายขณะนี้

 แต่อย่างน้อย 29 มีนาคม-27 กันยายน 2564 น่าจะอยู่ในช่วงเขย่า-เปลี่ยนแปลงในทางดี

 ท่านเจ้าคุณธงชัย (ผ่านคุณวันชัย) ขอให้ใช้เวลาต่อจากนี้ ไปเตรียมตัวให้พร้อม - กล้าเปลี่ยนแปลง - ปฏิรูป - ปฏิวัติตัวเอง เพื่อเตรียมรับการเขย่าใหญ่ทางการทำมาได้ - เศรษฐกิจของเมือง ที่รอพวกเราทุกคนอยู่ (เพราะอยู่ในเมือง - ไม่เฉพาะท่านที่ลัคนาสถิตราศีเมษ) ตั้งแต่กลางกรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

                ส่วนของผู้เขียนนั้นโปรดรอคำทำนายที่จะออกมาประมาณสิงหาคม 2564 ทั้งของเมือง และทุกลัคนาราศีว่าด้วย มฤตยูจรย้ายจากเมษเข้าพฤษภ เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า อย่างน้อยก็จะไม่แปลกใจหากเกิดเรื่องล็อกถล่มต่อทางด้านเศรษฐกิจของโลกและเมืองแล้วกระทบถึงทุกคน.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"