ฟันเฟกนิวส์เด็ดขาด บิ๊กตู่สั่งเอาจริงก๊วนบิดเบือน‘ทอน’อ้างวัคซีนใช้ภาษีปชช.


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” สั่งเอาจริงฟันเฟกนิวส์อย่างเด็ดขาด “ธนาธร” แถลงโต้แล้ว บอกตั้งคำถามเพราะเป็นการใช้ภาษีคนทั้งประเทศ ยกฝรั่งมีวัคซีน 200-300% ต่อประชากร แต่ไทยมีแค่ 21.5% มี 3 ดีลใหญ่ที่เป็นก้อนเดียว แต่ไม่มีใครเคยเห็นสัญญา โอดเพิ่งเล่นการเมืองมา 2 ปีถูกคดีอื้อ ซัด "ลุงตู่" ใช้มาตรา 112 มาปิดปากและกลบเกลื่อนผลงานที่ล้มเหลว ลั่นต่อสู้เพื่ออนาคตลูกหลานและประเทศ ไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ตนเอง!

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564 ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าไลฟ์สดเรื่องวัคซีนพาดพิงสถาบัน ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ไปแจ้งความเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์แล้ว โดยล่าสุด นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการเฉพาะกิจ เพื่อสรุปแนวทางการแก้ปัญหาและติดตามกรณีที่มีบุคคล กระบวนการสร้างและเผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง การใส่ร้ายป้ายสี จาบจ้วงหมิ่นสถาบัน รวมถึงการบิดเบือนข้อมูล เพื่อดูว่ารัฐบาลจะมีแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร ทั้งการเคลื่อนไหวในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งพบว่าที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวหลายกรณี โดยนายกฯ สั่งให้ดำเนินการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด และส่งข้อมูลให้นายกฯ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งติดตามคดีที่มีความล่าช้า
    ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานคณะก้าวหน้า อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ นายธนาธรได้เปิดแถลงข่าวตอบโต้เรื่องนี้ว่า เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด ขอยืนยันว่าเราสนับสนุนให้รัฐบาลมีการเจรจาเรื่องวัคซีนกับบริษัทต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีใช้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด แต่ที่ต้องออกมาแถลงข่าว คือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า 1. ประเทศไทยตอนนี้จัดหาวัคซีนที่มีความชัดเจนแล้วเพียง 21.5% ของประชากร โดยมาจากแอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส จากซิโนแวค 2 ล้านโดส ซึ่งแน่นอนว่ามีความพยายามขอซื้อจากแอสตราเซเนกาเพิ่มเติม โดยมีมติ ครม.ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง 2.ประเทศไทยยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีน ขณะที่ประเทศอื่นๆ เริ่มไปแล้ว และ 3.หลายประเทศทั่วโลกมีกลยุทธ์การจัดหาวัคซีน คือซื้อจากหลากหลายบริษัท  
"วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายประเทศจัดหาวัคซีนได้มากกว่าจำนวนประชากร โดยบางประเทศได้ถึง 200-300% ขณะที่ไทยเราแค่ 21.5% เท่านั้น ซึ่งความเสียหายคือ ถ้าประเทศไหนสร้างภูมิคุ้มกันเสร็จก่อนก็มีโอกาสฟื้นตัว ฟื้นฟูประเทศได้เร็ว ประชาชนใช้ชีวิตเป็นปกติเร็วกว่าคนอื่น แต่ถ้าช้ากว่านี้สัก 6 เดือน ประชาชนต้องทนกันต่อไป และไม่มีใครรู้ด้วยว่าอาจเกิดการระบาดรอบ 3 รอบ 4 รอบ 5 ได้ ซึ่งประชาชนก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อไป และนี่คือเหตุผลที่เราต้องออกมาบอกรัฐบาล ออกมาพูดกับประชาชนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น" นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้เรามีดีลวัคซีนที่ทำกับบริษัทแอสตราเซเนกาอย่างเป็นทางการขนาดใหญ่ดีลเดียวเท่านั้น และที่สำคัญคือมีบริษัทเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อเป็นเอกชนก็ย่อมเป็นองค์กรที่แสวงหากำไร แล้วประชาชนจะไม่ควรตรวจสอบเลยหรือว่าดีลที่เกิดขึ้นนั้นถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ เพราะเงินสนับสนุนนี้มาจากภาษีประชาชนคนไทยทุกคน สำหรับ 3 ดีลใหญ่ๆ ที่เหมือนเป็นก้อนเดียวกันนั่นคือ 1.ระหว่างบริษัทแอสตราเซเนกากับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ฯ 2.ระหว่างแอสตราเซเนกากับรัฐบาล และ 3.ระหว่างรัฐบาลกับสยามไบโอไซเอนซ์  ซึ่งนี่คือ 3 ก้อนใหญ่ๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นอิสระต่อกัน แต่คือดีลเดียวกันที่มีการพูดคุยเจรจาร่วมกัน มีความเกี่ยวโยงกัน และที่สำคัญคือวัคซีนที่เรากำลังพูดถึงนี้มาจากภาษีประชาชน
อ้างเป็นภาษีประชาชน
"ยืนยันว่าเราทำงานตรวจสอบการใช้เงินที่มาจากภาษีประชาชนกับทุกบริษัทเอกชน บทบาทของผมเอง ของพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงอดีตเพื่อนร่วมงาน คือ ส.ส.พรรคก้าวไกล เราทำเรื่องนี้ เราพูดเรื่องการเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนที่ชัดเจนมาก เราทำมาตลอด และกรณีนี้เราเชื่อว่า 3 สัญญาก้อนใหญ่ๆ ที่ได้พูดไปนั้น ไม่ได้เจรจาอย่างเป็นเอกเทศ เพราะเอกสารที่เรามีชี้ไปทางนั้นว่าไม่มีการคัดเลือก ไม่มีการเปรียบเทียบ ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องตั้งคำถาม" นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรกล่าวอีกว่า เมื่อเราตั้งคำถาม แต่สิ่งที่ได้รับก็คือการถูกรัฐบาลฟ้องเอาผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผิด ป.อาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอด และถ้าย้อนไปดูจะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามบิดเบือนประเด็นทุกครั้งเมื่อมีคนวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาด โดยยกเอาสถาบันกษัตริย์มากลบเกลื่อนความไม่มีประสิทธิภาพของตนเอง อ้างความจงรักภักดี และเพราะเหตุนี้หรือไม่ คุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม จึงทำให้มีคนออกมาตั้งคำถามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในกรณีนี้ก็ชัดเจนว่าคนที่ดึงสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดหาวัคซีนไม่ใช่ตนเอง แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนหนึ่งนายธนาธรได้เปิดคลิปการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันเป็นประธานการเซ็นจองวัคซีนโควิด โดยท่อนหนึ่งกล่าวว่า ในหลวงพระราชทานบริษัทในพระปรมาภิไธยผลิตแจกจ่าย จากนั้นนายธนาธรกล่าวต่อว่า คลิปดังกล่าวเป็นการแถลงข่าวเมื่อกลางเดือน พ.ย. ซึ่งคำถามคือการตั้งคำถามต่อการใช้งบประมาณของรัฐบาล แต่กลับถูกยัดเยียดคดีนั้นเป็นธรรมหรือไม่ ใครที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกใช้คดีปิดปากเรื่อยๆ อย่างนี้หรือไม่ เราในฐานะคนไทยซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ ต้องหาทางออกร่วมกัน ว่าตกลงการวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นการไม่จงรักภักดี คือการเป็นศัตรูกับสถาบันหรืออย่างไร คิดว่าสังคมไทยทั้งสังคมต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เป็นเพราะใช้คำว่าวัคซีนพระราชทานหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า วัคซีนพระราชทานเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นใช้ มีคนใช้เรื่องนี้มาก่อน ถ้ามันเป็นเรื่องของเอกชน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเอกชน มีคนเริ่มใช้เรื่องนี้มาก่อน และคิดว่าสื่อมวลชนสามารถไปสืบดูกันเองได้ว่าใครเป็นคนเริ่มใช้คำศัพท์นี้ ซึ่งไม่ใช่ตนเอง
เมื่อถามถึงข้อมูลเรื่องผลกำไรของสยามไบโอไซเอนซ์ นายธนาธรกล่าวว่า เราไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ของสยามไบโอไซเอนซ์ออกมายืนยันเรื่องนี้เลย แอสตราเซเนกาออกมาพูดชัดว่าหลักการเขาคือเรื่องไม่ขาดทุนและไม่มีกำไร ไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทย แต่กับทุกบริษัทที่เขาทำสัญญาด้วยทั่วโลก เราเคยเห็นสยามไบโอไซเอนซ์ออกมาพูดถึงหลักการนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่ใช่ตัวสยามไบโอไซเอนซ์ เราไม่เคยเห็นหลักการนี้ที่ออกมาจากสยามไบโอไซเอนซ์โดยตรงเลย จึงขอเรียกร้องให้เปิดสัญญาออกมาว่ารัฐบาลไทยกับสยามไบโอไซเอนซ์ แอสตราเซเนกากับสยามไบโอไซเอนซ์มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตหรือไม่ ถ้าอยากให้สังคมไทยรู้ก็เปิดเอกสารออกมา เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
โอดเล่นการเมือง 2 ปีคดีอื้อ
นายธนาธรกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีใครเคยเห็นหรือไม่ว่าบริษัทนี้ผลิตยาออกมาขายในราคาเท่าไร ต่ำกว่าราคาตลาดจริงหรือไม่ มีใครเห็นเอกสารชุดนี้หรือไม่ แต่สามารถยืนยันได้ว่ามีบริษัทอื่นๆ อีกเยอะที่เกี่ยวข้องกับสถาบันที่เป็นบริษัทที่ทำกำไรและเป็นบริษัทที่แสวงหากำไร ดังนั้น เวลาเราพูดเรื่องเหล่านี้ก็ตั้งคำถามกลับว่าหลักฐานอยู่ที่ไหน ตกลงยาอะไร ผลิตด้วยต้นทุนเท่าไร และขายต่ำกว่าราคาทุนจริงหรือเปล่าที่ทำให้ขาดทุน พูดง่ายๆ จริงๆ คำว่าขายต่ำกว่าทุนก็ต้องอธิบายยาวแล้ว เป็นบริษัทเอกชน ใครเคยบริหารงานในเอกชนก็รู้ว่าขายต่ำกว่าทุนไม่ได้พอเป็นบริษัทจำกัด ดังนั้นจึงฝากตั้งคำถามด้วย
เมื่อถามว่าปัจจุบันนายธนาธรถูกดำเนินคดีกี่คดีแล้ว นายธนาธรกล่าวว่า จำไม่ได้และเลิกนับไปแล้ว แต่อยากอธิบายเข้าใจด้วยว่า ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่มาจนถึงวันนี้ ไม่มีสิ่งใดเลยที่เราทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเราทำทั้งหมด ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ พวกเราทำเพราะพวกเราใส่ใจอนาคตของลูกหลาน เพราะพวกเราห่วงประเทศไทย เพราะพวกเราอยากเห็นประเทศที่ดีกว่านี้
“ผมอายุ 42 ปี ทำงานการเมืองมาได้ 2 ปี ก่อนมาทำงานการเมืองไม่เคยมีคดีแม้แต่คดีเดียว ไม่เคยขึ้นโรงพักที่ไหน พอมาทำการเมืองปุ๊บ นับไม่ถ้วนเลยตอนนี้ ยืนยันอีกครั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำต่อไป ไม่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเลย” นายธนาธรกล่าว
ถามกรณีมองว่าที่โดนดำเนินคดี 112 เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า คดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง เราวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แทนที่จะออกมาชี้แจง แต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำ คือการใช้มาตรา 112 เพื่อมาปิดปากคนที่วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
เมื่อถามว่า มองว่าคดีของน้องชายของนายธนาธรเป็นการกลั่นแกล้งด้วยหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องนี้น้องชายได้ชี้แจงเป็นเอกสารแล้ว สามารถติดตามได้ แต่เชื่อว่าเป็นความจงใจของรัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจ ที่พยายามกดดันให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พวกเราไม่ยอมแพ้ ขวัญกำลังใจพวกเรายังดี รวมทั้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหมด ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไปอย่างเข้มแข็ง
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวตอบโต้การแถลงข่าวนี้ว่า นายธนาธรยังไม่สำนึก ยังปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าแค่สงสัยการทำงานของรัฐบาลเรื่องวัคซีนยังถูกดำเนินคดี ทั้งที่ในข้อเท็จจริงมันไม่ได้แค่สงสัย แต่เป็นการกล่าวหารัฐบาลและพาดพิงสถาบันอย่างชัดเจน
เรืองไกรชี้สาธิตก็ผิด
       ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า นายกฯ ต้องบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ เมื่อจะมีการจัดการกับเฟกนิวส์ กรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์และให้ข่าวเรื่องล็อกดาวน์ 5 จังหวัดก็น่าจะเข้าข่ายเช่นกัน
วันเดียวกัน มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ทั่วไปถามนายกฯ ถึงเรื่องโควิด-19 โดยเฉพาะการขอให้เปิดเผยสัญญาว่าจ้างผลิตวัคซีนระหว่างแอสตราเซเนกากับสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งนายสาธิตตอบกระทู้ชี้แจงแทนระบุว่า การที่สถาบันวัคซีนตกลงเซ็นสัญญากับแอสตราเซเนกาเพราะมีเงื่อนไขดีกว่าที่อื่น ส่วนข้อมูลสัญญาซื้อขายที่อยากได้หาได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์ของสถาบัน เว้นแต่ข้อมูลบางอย่างที่ต้องปกปิด เช่น เรื่องการวิจัย หรือข้อมูลธุรกิจการค้า
    ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงการประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ในกรณีนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายนายธนาธรให้สินบน 20 ล้านบาทแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อแลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินดังกล่าวระยะยาว ว่ายังไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน จึงทำหนังสือถึงนายกฯ เพื่อให้ผู้บัญชาการตำรวจกองปราบปรามมาให้ข้อมูล ซึ่งหากยังไม่มาอาจต้องไปประชุมที่กองปราบฯ เอง
“ขอให้ประชาชนตัดสินถึงพฤติกรรมของนายธนาธร ที่เรียกร้องให้มีปฏิรูปประเทศ แต่คนในครอบครัวกลับมีพฤติกรรมเช่นนี้ คิดว่านายธนาธรควรกลับไปปฏิรูปครอบครัวตัวเองก่อน” นายสิระกล่าว
    ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีการนัดชุมนุมที่บริเวณหน้าห้างไอคอนสยามในวันที่ 23 ม.ค.ว่า จะให้ทำอย่างไร ก็ไปถามกลุ่มผู้ชุมนุมดู เมื่อถามว่าทางเจ้าหน้าที่จำใช้ข้อกฎหมายในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า จะอะไรยังไง
    เมื่อถามต่อว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากที่นายธนาธรปลุกกระแสออกมาวิจารณ์ถึงวัคซีนโควิด-19 ก่อนหน้านี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"