ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net  บรรดาสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลต่างเป่าปากโล่งอกไปตามๆ กัน หลังผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี "นัทรียา ทวีวงศ์" แจ้งผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี swob test ซึ่งเมื่อวันพุธได้ให้เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูร กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจนักข่าวและช่างภาพรวม 157 คน สรุปแล้วผลเป็นลบทั้งหมด พร้อมแจกสติกเกอร์ที่ที่มีข้อความว่า "Covid-Test 20/01/64" โดยให้ติดทับบนบัตรประจำตัวสื่อมวลชนทำเนียบฯ ต่อไปผู้ที่มารอสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และรัฐมนตรี จะอนุญาตเฉพาะผู้ที่มีสติกเกอร์นี้เท่านั้น ถ้าจำกันได้ช่วงปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังโควิดระบาดรอบใหม่ เจ้าหน้าที่ได้ให้ รพ.จุฬาฯ ส่งทีมมาสุ่มตรวจข้าราชการและสื่อทำเนียบฯ ด้วยวิธี rapid test มาแล้ว ปรากฏว่ามีข้าราชการ 6 รายที่มีผลเป็นบวก เล่นเอาผวากันทั้งทำเนียบฯ สุดท้ายพอตรวจซ้ำด้วยวิธีสวอปผลเป็น negative ก็เลยหายแตกตื่นกัน

            ๐ ส่วนสถานการณ์โควิดประเทศไทยล่าสุด ผู้ติดเชื้อกระจายไปใน 63 จังหวัด พบรายใหม่ 142 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 88 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 88 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 37 ราย นอกจากนี้ มาจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 17 ราย ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 12,795 ราย หายป่วยสะสม 9,842 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,882 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 11 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 71 ราย "หมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน" โฆษก ศบค. ให้คำนิยามสถานการณ์ตอนนี้ว่ายังทรงๆ อยู่ ยังไม่สามารถวางใจ พร้อมขอให้คนไทยทุกคนดูแลตัวเองแบบเข้มข้น เพื่อที่เดือน ก.พ.จะได้สบายขึ้น เพราะก่อนสิ้นเดือนนี้ นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.จะประชุมเพื่อประเมินว่าจะคลายล็อก หรือเข้นข้นต่อ

            ๐ "การที่ผมตั้งคำถามต่อการใช้งบประมาณของรัฐบาล แต่กลับถูกยัดเยียดคดีนั้นเป็นธรรมหรือไม่ ใครที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกใช้คดีปิดปากเรื่อยๆ อย่างนี้หรือไม่ เราในฐานะคนไทยซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ ต้องหาทางออกร่วมกัน ว่าตกลงการวิพากษ์วิจารณ์คุณประยุทธ์ การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นการไม่จงรักภักดี คือการเป็นศัตรูกับสถาบันหรืออย่างไร" ฟัง "ทอน" เปิดตึกไทยซัมมิทตีหน้าซื่อแก้ตัวเรื่องวัคซีนโควิด ถ้าเป็นสาวกส้ม หรือก๊วนสามนิ้วคงเคลิ้มไปเลย โถแค่ตั้งคำถามหวังดีต่อประเทศชาติประชาชน แถมวาทกรรม "วัคซีนพระราชทาน" โบ้ย "ลุงตู่" ซะงั้น แต่ถ้าคนที่ตื่นรู้มีวิจารณญาณ ก็คงบอกได้คำเดียวว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วทอน แถจนสีข้างถลอก ลองไปดูตามเพจ 3 นิ้วทั้งหลาย ทั้งเพจส่วนตัวและเพจกลุ่ม สามหาวเรื่องวัคซีนพระราชทานรับกันเป็นทอดๆ ถ้าหัวไม่ส่าย หางจะกระดิกได้ยังไง

            ๐ สงสัยยังไม่เข็ด "คณะก้าวหน้า" ภายใต้การนำของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล" ประกาศชัดเจนว่ารอบนี้จะขอกลับมาแก้มือ หลังรอบที่แล้วแพ้ยับเยินกับการเลือกตั้ง อบจ. แว่วมาว่าวอร์รูมของคณะก้าวหน้า ที่ชั้น 7 ตึกไทยซัมมิท แกนนำกลุ่มนั่งกางแผนที่ประเทศไทยดูหลายรอบแล้ว ยังมั่นใจลึกๆ จะปักธงนายกเทศมนตรีนครได้บางแห่ง เพราะมองว่าเทศบาลนครรวมถึงเทศบาลเมือง เป็นเขตกึ่งเมือง อยู่ในพื้นที่ซึ่งประชากรอาศัยหนาแน่น ไม่ใช่กว้างแบบระดับจังหวัด ทำให้การหาเสียงทำได้ง่ายกว่า อบจ. อีกทั้งมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวที่อาจต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ จึงอาจจะพอมีโอกาสเจาะได้บ้าง โดยเฉพาะเทศบาลนคร 30 แห่ง แต่สำคัญเลยคือ ต้องได้ตัวผู้สมัครที่เป็นคนในพื้นที่ซึ่งผ่านการทำงานในเทศบาลมาระดับหนึ่ง เป็นที่รู้จักของชาวบ้าน ก็น่ามีลุ้น แล้วยังข้อสรุปจากเลือกตั้งรอบที่แล้วว่ายุทธศาสตร์ของธนาธรผิดพลาด เพราะหาเสียงโยงเรื่องการเมืองระดับชาติ เรื่องประชาธิปไตย เผด็จการ ม็อบ แต่ประชาชนไม่เก็ตผลมุกเลยแป้ก เพราะท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติเป็นคนละโมเมนต์กัน รอบนี้จึงวางแผนใหม่ไม่เอาเรื่องการเมืองระดับชาติลงไปหาเสียงเด็ดขาด เลือกตั้งเทศบาลเที่ยวนี้ จึงถือว่าเป็นแมตช์แก้มือของธนาธร-ปิยบุตร ครั้งสำคัญ เพราะหากเลือกตั้งเทศบาลยังล้มเหลวอีก ก็แสดงว่ายุทธศาสตร์และการวางตำแหน่งของคณะก้าวหน้าในเรื่องท้องถิ่นพลาดมหันต์เข็นไม่ขึ้น ต้องทบทวนตัวเองครั้งใหญ่ แต่ที่หลายคนดูจะบอกตรงกันก็คือ เทศบาลนครหลายแห่งในภาคใต้ ทอนคงไม่ต้องไปหาเสียงให้เหนื่อย เดิมกระแสคนใต้ต่อต้านที่มีสูงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกรณีวัคซีนโควิด คนทั่วประเทศชิงชังอย่างหนัก ก็ยิ่งทำให้ปิดประตูไปได้เลย.

         ลี้คิมฮวง