โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐเดินทางออกจากวอชิงตันสามชั่วโมงก่อนหน้าพิธีสาบานตนของโจ ไบเดน ประกาศลั่นก่อนให้แอร์ฟอร์ซวันไปส่งกลับบ้านเก่าที่ฟลอริดาว่า เขาจะ "กลับมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนางเมลาเนีย ภริยา เดินไปขึ้นมารีนวันออกจากทำเนียบขาวเมื่อเช้าวันพุธที่ 20 มกราคม 2564

    ประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ภริยา กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อเช้าวันพุธ ก่อนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์มารีนวันไปยังฐานทัพแอนดรูว์ส เพื่อขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งสุดท้ายกลับรัฐฟลอริดา ว่าเขาแค่อยากกล่าวคำอำลา แต่ก็หวังว่าจะไม่ใช่การบอกลาระยะยาว

    เมื่อไปถึงฐานทัพแอนดรูว์ ซึ่งทหารกองเกียรติยศยิงสลุต 21 นัด ทรัมป์กล่าวต่อหน้าผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆ ที่นั่นว่า นี่เป็นช่วงเวลา 4 ปีที่เหลือเชื่อ "เราประสบความสำเร็จมากมายด้วยกัน ผมจะต่อสู้เพื่อพวกคุณตลอดไป ถือเป็นเกียรติและเอกสิทธิ์ยิ่งใหญ่สำหรับผมที่ได้เป็นประธานาธิบดีของพวกคุณ ผมจะกลับมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง"

    ทรัมป์ในวัย 74 ปี เคยบอกใบ้เรื่องการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2567 แต่ในอนาคตอันใกล้นี้เขากำลังจะเผชิญกับการไต่สวนของวุฒิสภา เกี่ยวกับบทบาทของเขาในเหตุการณ์ผู้สนับสนุนเขาบุกก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม หลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนเขาเป็นครั้งที่ 2 โดยกล่าวหาว่าเขาปลุกปั่นให้เกิดการก่อกบฏ หากวุฒิสภาลงมติถอดถอนเขาย้อนหลัง ก็มีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งอีก

    ช่วงเวลาที่ไบเดนทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งนั้น ทรัมป์จะอยู่ที่รีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโกของเขาที่ฟลอริดาแล้ว โดยเขาจะเป็นประธานาธิบดีที่กำลังพ้นตำแหน่งคนแรกในรอบ 152 ปีที่ไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่

    ทรัมป์ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของไบเดนในคำกล่าวสั่งลาของเขา แต่เขายังอวยพรให้รัฐบาลใหม่โชคดีและประสบความสำเร็จ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า ทรัมป์ได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ไบเดนที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา.