20 ม.ค. 2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.2563 อยู่ที่ 85.8 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 87.4 เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากปัจจัยลบจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ที่มีความรุนแรงกว่ารอบแรก และขยายวงกว้างไปในหลายจังหวัด ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ส่งผลให้ภาครัฐออกคำสั่งปิดสถานที่บางแห่งและกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดในจังหวัดที่มีการระบาดสูง รวมทั้งงดจัดกิจกรรมปีใหม่ และขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงขอให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนและข้าราชการทำงานที่บ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
“จากมาตรการต่างๆ ที่เข้มงวดของภาครัฐ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศชะลอลง ทั้งการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและการเดินทางท่องเที่ยวลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของผู้ประกอบการลดลงโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) อีกทั้งการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัดยังมีความล่าช้า”นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ส่งออกสินค้าได้น้อยลง และสูญเสียรายได้จากการส่งออก รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นปัจจัยเสี่ยงกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการ ประกอบกับในเดือนธ.ค. ยังมีวันทำงานน้อย เนื่องจากมีวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ภาคการผลิตลดลงจากเดือนก่อนหน้า สำหรับดัชนีคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 92.7 จากเดิม 94.1 เนื่องจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมกังวลต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวช้า ทำให้ผู้ประกอบการปรับแผนการดำเนินกิจการเพื่อรับมือสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่มากขึ้น
ดังนั้น ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับความปลอดภัยในสินค้าอาหารของไทย ขอให้เร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ทั้งผู้ประกอบการ และประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการเสริมสภาพคล่องจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราวตามคำสั่ง หรืออาจพักชำระหนี้ชั่วคราว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสำหรับข้อเสนอมาตรการเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอีนั้น ส.อ.ท.มีข้อเสนอเพิ่มเติม 4 ข้อ จากที่คณะกรรมาธิการ เสนอแก้ไขพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาท โดย 1.ขอไม่จำกัดวงเงินกู้ในการขอสินเชื่อ แต่ให้พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการเป็นรายๆ ไป จากที่คณะกรรมาธิการเสนอกรณีขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากยอดหนี้เดิมได้ไม่เกิน 30% ของยอดสินเชื่อ และกรณีลูกค้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินกู้ได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท
2.ขอให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปีในระยะ 5 ปีแรก ไม่ควรกำหนดที่ 5% ต่อปีเท่านั้น 3.ขอให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำลง 1% 4.ขอให้ปรับการจัดลำดับการตัดชำระหนี้ของผู้ประกอบการ โดยให้ตัดจากเงินต้นก่อน เพื่อเป็นการปรับลดจำนวนหนี้ให้แก่ผู้ประกอบการ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |