“ประยุทธ์-อนุทิน” เดือดปม “ธนาธร” ปั่นวัคซีน ลั่นให้กฎหมายจัดการฐานบิดเบือน “เสี่ยหนู” อัดทำตัวเป็นพหูสูตแต่ไม่เคยสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ไล่ไปทำการบ้าน อย่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ “สธ.” กางโต๊ะแถลงวางแผนซื้อวัคซีนตั้งแต่กลางปี 2563 “แอสตราเซเนกา” เลือก “สยามไบโอไซเอนซ์” เองเพราะคุณสมบัติดีเลิศที่สุด เผยหลายประเทศอยากได้สัญญาเหมือนไทย “แรมโบ้” ดุไล่ไปตายก่อนถูกคนทั้งแผ่นดินขับ ทิพานันสำทับหุบปากก็ช่วยชาติได้ เมื่อวันที่ 19 มกราคม ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องวัคซีนโควิด-19 ว่าไทยสั่งนำเข้าวัคซีนจากแอสตราเซเนกา เนื่องจากบริษัทดังกล่าวขอเข้ามา และเราก็มีความพร้อมของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งบริษัทอื่นยังไม่พร้อม ทุกวัคซีนขอขึ้นทะเบียนได้ เราไม่ได้ปิดกั้น โดยเขาต้องมีการรับรองมาตรฐานจากต้นทางมาก่อน และมารับรองมาตรฐานจากเราด้วย
“การฉีดเมื่อได้มา ไม่ได้หมายความว่าคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะอนุญาตได้ในวันนี้พรุ่งนี้และฉีดได้ทันที วัคซีนก็มาตามการจองประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย. ฉะนั้นจะเร่งฉีดก็ไม่มีวัคซีน ระหว่างนี้ก็ศึกษาดูว่าที่เขาฉีดกันไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมมาตรการป้องกัน แต่ถือว่าดีที่สุดในขณะนี้ และเราก็น่าจะตัดสินใจได้ถูก ถ้าของคนอื่นเขาได้ผล เราก็ซื้ออีก เราไม่ผูกขาดใครอยู่แล้ว ปีหน้าการผลิตวัคซีนจะมีการแข่งและผลิตกันได้เยอะ จะเป็นการแข่งกันทางการค้า ดังนั้นต้องมีคุณภาพ ราคาถูก และเป็นที่ยอมรับ”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สินค้าที่นำเข้ามาต้องมีการควบคุมดูแลก่อนในระยะแรก ใช้ในสถานการณ์แพร่ระบาดเรียกว่าฉุกเฉิน ไม่ใช่ใครก็ได้จะนำเข้าในเวลานี้ ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ วันหน้าดีขึ้นแล้วในทางพาณิชย์ค่อยว่ากันอีกที ใครจะมาฉีดเองไม่ได้ทั้งนั้น มันต้องมาจากเรา เพราะเราต้องรับผิดชอบตรงนี้ในการดูแล ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นความรับผิดชอบก็ต้องอยู่ที่บริษัทผู้ผลิตด้วยในฐานะผู้ผลิตยา ตอนนี้ขอให้เข้าใจคำว่าฉุกเฉิน จำเป็นต้องใช้ แม้จะมีผลข้างเคียงบ้างอะไรบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่กลุ่ม สื่อเวลาเสนอข่าวกรุณาดูรายละเอียดกันหน่อย ไม่เช่นนั้นจะสับสนอลหม่านกันไปหมด เรื่องที่ใครจะมีงบประมาณมาฉีดอะไรต่างๆ วันนี้มีงบประมาณก็ฉีดไม่ได้ เพราะไม่มีวัคซีน ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลตรงนี้ให้เพียงพอ รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทั้งประเทศ
ด้าน นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ปีนี้วัคซีนเป็นของผู้ขาย เพราะวัคซีนมันขาด แต่ปีหน้าจะเป็นของผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อสามารถที่จะช็อปปิ้งเอาตัวดีที่สุดได้ แต่ปีนี้เราเลือกไม่ได้
ต่อมาหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การนำเข้าวัคซีนที่เชื่อมโยงกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด โดยโยงการเมืองและใช้คำว่าวัคซีนพระราชทาน ว่าถือว่าเป็นการบิดเบือน ทุกเรื่อง ทุกอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย ดังนั้นขอให้ทุกคนระมัดระวังไว้ด้วยในการเสนอข่าวพวกนี้
บิ๊กตู่สั่งฟันเรื่องบิดเบือน
“เรื่องอะไรที่เป็นการบิดเบือนไม่ใช่ข้อเท็จจริงแล้วนำมาแพร่ ไม่ว่าในสื่อหรือโซเชียลมีเดีย ผมให้ดำเนินคดีทุกเรื่อง ทุกรายการ ก็ขอให้ทุกคนระมัดระวังด้วย อย่าหาว่าผมเอากฎหมายไปขู่ แต่ต้องรักษาความเชื่อมั่นของรัฐบาลไปด้วย ไม่เช่นนั้นต่างคนก็ต่างเขียนอะไรกันไปแล้วไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น กฎหมายมีทุกตัวอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวเรื่องนี้ว่า คนที่พูดเรื่องดังกล่าวรู้หมดทุกเรื่อง ไม่รู้อย่างเดียวคือ ไม่รู้จักสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ประเทศไทยเรามาถึงวันนี้ได้ ใครเป็นผู้ให้กำเนิดทางการแพทย์ การสาธารณสุข ใครเป็นคนวางรากฐานระบบสาธารณสุขและการแพทย์จนเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก และสามารถทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีพื้นฐานสุขภาพที่ดี มีพื้นฐานชีวิตที่ดีมีความแข็งแรง
“ใครเป็นคนพระราชทานสิ่งของต่างๆ ตลอดเวลาเป็น 100 ปี เมื่อประเทศไทยมีภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ถ้าจะเอาแบบไม่ต้องจำกันยาวๆ เอาใกล้ๆ นี้ รถตรวจหาเชื้อโควิด 20 คัน ใครเป็นคนให้ ชุดพีพีอีเป็นล้านๆ ชุด ใครเป็นคนให้เวชภัณฑ์ ทุนทรัพย์ เป็นพันล้าน ที่มอบให้กับคณะแพทย์ไปปรับปรุง ไปลงทุนในระบบการสาธารณสุข ระบบการแพทย์ ใครพระราชทานให้ เคยไปหรือไม่ตามโรงพยาบาลต่างจังหวัด และเห็นระบบปรับอากาศ ระบบที่ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ให้เข้าถึงการแพทย์การสาธารณสุขไม่แพ้กับคนในเมืองใหญ่ ไปทำการบ้านตรงนี้มาก่อนว่าใครทำให้ แล้วค่อยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ ปล่อยให้แพทย์เขาทำไป เราไม่ใช่แพทย์เราทำเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้อีกเยอะ ถ้าไม่ได้ทำอะไร พูดอะไรก็ได้หมด เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะทำอะไรให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ ก็ต้องทำให้ตัวเองเข้ามาบริหารบ้านเมืองให้ได้ก่อน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องร้องประเด็นนี้หรือไม่ และจะมีหน่วยงานใดออกมาชี้แจง นายอนุทินตอบว่า “ก็แล้วแต่ พูดในหลักการเฉยๆ เมื่อสื่อถามว่าได้ดูคลิปหรือไม่ ก็ไม่ได้ดู และถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดู เพียงแต่ไปถามคนที่ดูว่าเป็นอย่างไร จึงมาบอกความรู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ ที่อยู่กันมาได้ขนาดนี้ ถ้าไม่มีตรงนั้นความเข้มแข็งก็คงไม่เกิด เหมือนที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ แล้วบ่ายวันเดียวกันนี้ก็จะไปรับพระราชทานชุดพีพีอี อีก 7 แสน 7 หมื่นชุด มีใครให้ไหมพวกที่ออกมาว่าๆ น่ะ มือไม่พายก็ไม่ต้องเอาอะไรมาราน้ำ”
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า ครม.อนุมัติวงเงิน 166,530,000 บาท สำหรับจ่ายเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการจองวัคซีนแอสตราเซเนกาล่วงหน้าจำนวน 26 โดส ซึ่งเป็นการขอทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 พ.ย.63 ทำให้วงเงินการจองวัคซีนล่วงหน้าจาก 6,049.72 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6,216.25 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดแถลงข่าวเรื่องวัคซีนเช่นกัน โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่าการจัดหาวัคซีนไม่ได้ล่าช้า โดยเริ่มกระบวนการตั้งแต่กลางปี 2563 และตั้งเป้าว่าปี 2564 จะได้วัคซีนมาฉีดให้ประชาชน 50% ของประชากร ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจากับโคแวกซ์ 20% แต่เราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ราคาวัคซีนจึงสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำ มีการเจรจากับโคแวกซ์หลายครั้ง และถึงขณะนี้เรายังติดตามและเปิดทางให้ได้รับวัคซีนจากช่องทางอื่นด้วย การจัดซื้อวัคซีนจึงไม่ใช่แทงม้าตัวเดียว
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า การจองซื้อวัคซีนกับแอสตราเซเนกาไม่ใช่การจองซื้อทั่วไป แต่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้ไทย ซึ่งแอสตราเซเนกาได้เลือกบริษัทที่มีความพร้อม มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ คือสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งพร้อมรองรับการถ่ายทอดจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แม้แต่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ของไทยก็ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ โดยต้องผลิตให้ได้ 200 ล้านโดสต่อปี
หลาย ปท.อยากเหมือนไทย
นพ.นครกล่าวอีกว่า ข้อตกลงลักษณะนี้มีหลายประเทศอื่นๆ อยากได้เหมือนกับไทย มีผู้พยายามแข่งให้แอสตราเซเนกาคัดเลือก แต่ทีมประเทศไทยร่วมกันเจรจาและแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของสยามไบโอไซเอนซ์เข้าเกณฑ์ เป็นความพยายามของทีมประเทศไทย ไม่ใช่แค่ทำสำเสร็จในชั่วข้ามคืน แต่เป็นการวางรากฐานตามหลักปรัชญาของรัชกาลที่ 9 หากไม่มีการวางแนวทางไว้กว่า 10 ปี เราไม่มีทางเข้าถึงวัคซีน 61 ล้านโดส ประชาชนจึงไม่ต้องกังวล ยืนยันว่าเราจะมีวัคซีนเพียงพอ และเรามีโอกาสพึ่งพาตัวเองหากมีการระบาดรอบใหม่ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนงบประมาณให้แก่ผู้พัฒนาวิจัยวัคซีนทุกหน่วยงานอีกด้วย
“เราซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกา เป็นการจ้างผลิตและถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบให้เปล่า ขายให้แบบไม่มีกำไร แต่ไม่ขาดทุน คิดราคาทุนเท่านั้น ค่าจ้างหรือค่าผลิตเป็นราคาทุน เสมือนสยามไบโอไซเอนซ์ต้องผลิตตามคำสั่งแอสตราเซเนกา ผลิตในราคาทุน ขายให้ไทยและอาเซียนในราคาทุน ตามนโยบายของออกซ์ฟอร์ด” นพ.นครกล่าว
“เงินทุนที่สถาบันวัคซีนสนับสนุนให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ฯ 600 ล้านบาท เขียนไว้ในสัญญาชัดเจนว่า เมื่อผลิตวัคซีนได้แล้ว จะคืนวัคซีนให้เท่ากับทุนที่ได้รับให้แก่รัฐบาล การให้ทุนจึงไม่ใช่การให้เปล่า เป็นการสนับสนุนให้มีศักยภาพเพื่อผลิตให้ได้ ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและคลาดเคลื่อนควรหมดไป และไม่ควรนำมาโยงกับสถาบันที่เราเคารพรัก” นพ.นครกล่าว
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนไม่ใช่พาราเซตามอล เราไม่ได้คำนึงว่าต้องรีบฉีดให้ประชาชนอย่างเดียว แต่คำนึงถึงความรอบคอบ มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย วัคซีนที่จะมาฉีดให้คนไทยต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น โดยรัฐบาลมีแนวทางฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งต้องจองซื้อกับแอสตราเซเนกาอยู่ที่ 5 ดอลลาร์ หรือประมาณ 150 บาทต่อโดส ซึ่งถือว่าเป็นราคาถูกที่สุดที่หาได้ในท้องตลาดขณะนี้
ส่วนนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายธนาธรที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องวัคซีนว่า การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลไม่เคยคิดเรื่องการเมืองเอาคะแนนนิยมใดๆ ตรงกันข้ามเรื่องชีวิตความปลอดภัยของคนไทยมีค่าสูงสุด จึงขอให้นายธนาธรอย่ามาพูดกล่าวหาแบบมั่วๆ และรีบสรุปในเรื่องของการนำวัคซีนเข้ามา เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
นายสุภรณ์ยังกล่าวถึงกรณีนายธนาธรกล่าวโยงวัคซีนบางบริษัทไปเกี่ยวข้องพาดพิงกับสถาบันว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ถือเป็นการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือประชาชน และในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ได้พระราชทานเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาชีวิตประชาชนทั้งประเทศมากมายนานัปการ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สุด นายธนาธรไม่เคยมีจิตสำนึกแม้แต่นิดเดียว อยากถามนายธนาธรว่าหัวใจยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า
แรมโบ้ไล่ไปตายก่อน
“ผมจะให้ทีมฝ่ายกฎหมายพิจารณาในคำพูดของนายธนาธร ว่าส่อเจตนาจาบจ้วงสถาบัน หรือผิดกฎหมายตามมาตรา 112 หรือไม่ และได้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จต่อนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งหากพบว่าเนื้อหาเข้าข่ายความผิดจะเข้าแจ้งความที่ ปอท.เพื่อดำเนินคดีกับนายธนาธร จะได้หยุดจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน และบิดเบือนใส่ร้ายคนอื่น เผื่อคนอย่างนายธนาธรจะได้รู้จักสำนึกและเข็ดหลาบเหมือนคนอื่นเขาบ้างสักนิดก็ยังดี คนแบบนายธนาธรที่วันๆ คิดแต่กล่าวหาคนอื่นหรือจาบจ้วงสถาบัน ไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินไทยอีกต่อไป จะไปตายไหนก็ไป ก่อนที่คนไทยที่จงรักภักดีและปกป้องสถาบันจะทนไม่ไหว และผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็เบื่อหน่าย ไม่อยากต้อนรับนายธนาธร เพราะเห็นได้จากนายธนาธรเดินทางไปจังหวัดใดก็มีแต่ประชาชนออกมาขับไล่ตลอด” นายสุภรณ์กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายธนาธรระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ หากประชาชนเกิดอาการแพ้วัคซีน หรือวัคซีนมีประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมายนั้นว่า นายธนาธรสับสนกับคำพูดตัวเองอยู่หรือเปล่า ตอนแรกก็บอกว่าให้จัดหาวัคซีนให้เร็ว ซึ่งรัฐบาลก็กำลังดำเนินการอยู่ แต่ก็มาบอกว่าจะรับผิดชอบอย่างไรถ้าวัคซีนประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย ตกลงแล้วนายธนาธรจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเอาเร็ว หรือเอาชัวร์กันแน่ คุยกับตัวเองให้รู้เรื่องและตกผลึกก่อนแล้วค่อยออกมาวิจารณ์จะดีกว่า เพราะมีแต่จะยิ่งทำให้ประชาชนสับสนและกลายเป็นตัวตลกไปเปล่าๆ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายธนาธรอาจกำลังมีปมจากการแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.แบบแลนด์สไลด์ 42 จังหวัดที่ผ่านมา และนายธนาธรไม่เคยมีผลงานให้ประเทศชาติ มีแต่โครงการที่ไม่เคยทำได้สำเร็จ คะแนนนิยมที่เคยได้ก็สูญหายไปเพราะประชาชนเห็นความจริงแล้ว ดังนั้นการตั้งคำถามและการให้ข้อมูลเรื่องวัคซีน เป็นการตั้งหัวข้อบิดเบือนเลื่อนเปื้อน เข้าข่ายจินตนาการในทุ่งป่าสงวน เพราะในความเป็นจริงทั้งรัฐบาลและ ศบค.จัดหาวัคซีนฟรีอย่างเพียงพอ
น.ส.ทิพานันกล่าวอีกว่า ที่นายธนาธรพยายามบิดเบือนข้อมูล ชี้ช่องให้มองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างรัฐบาลและสยามไบโอไซเอนซ์ ในการผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกานั้น เหตุใดนายธนาธรไม่พูดถึงข้อเท็จจริงของสยามไบโอไซเอนซ์ให้หมด ไม่พูดถึงความพร้อมทางเทคโนโลยีของบริษัทที่มีมากกว่าบริษัทอื่นๆ ที่นายธนาธรยกมาเปรียบเทียบ หรือนายธนาธรมีเจตนาพูดข้อมูลเฉพาะส่วนเพื่อนำมาบิดเบือนหรือไม่ หรือว่านายธนาธรไม่มีความรู้เพียงพอ จึงไม่ทราบว่าแอสตราเซเนกาเป็นผู้เลือกสยามไบโอไซเอนซ์
“เข้าใจว่านายธนาธรอาจมีปมเรื่องแพ้เลือกตั้ง คะแนนนิยมตกต่ำลง และสับสนกับปัญหาที่ยังไม่สามารถชี้แจงสังคม ทั้งโครงการแจกห้องความดันลบให้ รพ.ทั่วประเทศ การเลี่ยงภาษีเรือ กรณีติดสินบนเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ และการบุกรุกป่ากว่า 3,000 ไร่ เพราะแม้แต่ขณะไลฟ์ยังมีการซ่อน ลบและบล็อกความเห็นที่ทวงถามเรื่องเหล่านี้ ไม่อยากให้นายธนาธรก่อบาปอีก นายธนาธรไม่ควรเอาชีวิตคนและเรื่องวัคซีนมาบิดเบือน เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือคะแนนนิยมของตนเอง สิ่งที่ดีและช่วยชาติช่วยประชาชนตอนนี้คือ นายธนาธรควรเงียบ เลิกไลฟ์ข้อมูลสาระแบบมั่วไม่รอบด้าน ต้องไม่ลงทุนด้วยชีวิตประชาชนด้วยการฉวยโอกาสโหนกระแสจากโรคระบาด” น.ส.ทิพานันกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |