ผบ.ตร.เผยผลจับเท็จคดีน้องชมพู่เสร็จสัปดาห์นี้ ระบุคนทำผิดรู้อยู่แก่ใจ ป่าไม้ตรวจแล้วศาลตะเคียนบ้านลุงพลยันเป็นมะค่าแต้ ไม้หวงห้าม เข้าข่ายครอบครอบผิดกฎหมาย ให้ชี้แจงที่มา ส่วนจะหลอกลวงประชาชนหรือไม่ รอผู้เสียหายแจ้งความ   
    วันที่ 19 ม.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการนำชาวบ้านกกกอกมาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า ฝ่ายสืบสวนสอบสวนแจ้งว่าผลอย่างเป็นทางการยังไม่ออก ทั้งนี้ เมื่อผลออกมาอย่างเป็นทางการ ต้องมีการแปลผล และฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2-3 ท่าน คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ การแปลผลเรื่องพวกนี้ ต้องเอาทฤษฎีมาตั้งก่อน จากนั้นเอาข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจมาประยุกต์ไปตามทฤษฎี แต่ต้องฟังหลักฐานอื่นประกอบ ไม่ใช่จะจบแค่เครื่องจับเท็จ เราต้องฟังผลจับเท็จจริงของทุกคน ไม่ใช่แค่ของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล 
    "ผลของเครื่องจับเท็จสามารถนำมาเป็นพยานในชั้นศาล แต่ต้องฟังเหตุผลอื่นประกอบด้วย ตนทราบว่าสังคมติดตามอยู่ ตำรวจทำด้วยความรอบคอบ ต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา ไม่ให้ผู้ต้องหาดิ้นหลุดได้ในชั้นศาล อย่างที่บอกว่า คนทำผิดทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ คงนอนไม่หลับอยู่แล้ว" พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว 
    วันเดียวกัน นายพรภิรม อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยผลการตรวจสอบไม้ตะเคียนท่อน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านลุงพล ยืนยันว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบเป็นไม้มะค่าแต้ หรือชื่อทางการคือไม้มะค่าหนาม ไม่ใช่ไม้ตะเคียนอย่างที่หลายคนเข้าใจ ตอนนี้อยู่ระหว่างการให้ลุงพลชี้แจงที่มาของไม้ท่อนนี้ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นไม้มะค่าแต้ แต่จัดอยู่กลุ่มไม้หวงห้าม การครอบครองโดยถูกกฎหมายจะต้องเป็นไม้ที่มาจากที่ดินกรรมสิทธิ์ เบื้องต้นลุงพลชี้แจงที่มาของไม้ท่อนนี้ว่ามาจากบนภูเขา ไหลลงมาตามน้ำ ก่อนมาติดอยู่บริเวณคลองข้างบ้าน จึงตัดหัวท้าย และเห็นเนื้อไม้เป็นสีเหลือง จึงเข้าใจว่าเป็นไม้ตะเคียน และนำขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชา โดยตั้งเป็นศาลแม่ตะเคียนโสรภี หากเป็นไปในลักษณะนี้เข้าข่ายครอบครองโดยผิดกฎหมาย เพราะการนำไม้หวงห้ามขึ้นมาตั้งเป็นศาล ถือว่ามีเจตนาครอบครอง ส่วนจะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมาย และตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหรือไม่
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคลิปแชร์ในโซเชียล กรณี "ลุงพล" ไชยพล วิภา ดึงไมค์ผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่ง ที่ยื่นไมค์เพื่อขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และถามผู้สื่อข่าวทุกสำนักที่ติดตามทำข่าวว่า "จะถ่ายผมขออนุญาตหรือยัง" ซึ่งผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้แจงว่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ จากนั้นลุงพลได้ผลักไหล่และดึงหน้ากากอนามัยออก มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้สื่อข่าวทีวีคนดังกล่าวเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.กกตูม แจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายต่อลุงพล ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พฤติกรรมของนายไชยพล หรือ ลุงพล ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก จนติดแฮชแท็ก #ลุงพล ติดอันดับยอดนิยมในทวิตเตอร์.