รำพึงใกล้ป่าช้า


เพิ่มเพื่อน    

                                                                                                                              (1)

            เห็นข่าวท่านผู้บริหารเครือข่ายหนังสือพิมพ์ มติชน...อายุ อานาม ยังไม่ครบ 6 รอบ 60 ปี ยังอยู่ในวัยไม่ถึงกับเกษียณราชการ ท่านก็...ไปซะแล้ว!!! ซึ่งคงต้องขอแสดงความอำลา-อาลัย เอาไว้ ณ ที่นี้ แต่การไปเอาง่ายๆ ไปเร็ว  แม้ไม่เคยมีโอกาสรู้จัก มักจี่ ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ก็เล่นเอา  ใจหาย อยู่พอสมควร โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ แก่ได้ที่ แต่ยังคงต้องอยู่ๆ รอดู บิ๊กตู่ กับรอดูท่านเชื้อโควิด-19 ควบคู่กันไป...

                                                                                                                      (2)

            ไปเปิดดูนิตยสาร National Geographic ภาคภาษาไทยเล่มเก่าๆ...เห็นว่าผู้บริหารสูงสุดของเครือ อมรินทร์พริ้นติ้ง อย่างคุณ ชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ก็ไปในราวๆ อายุแค่ 60  ปีเท่านั้นเอง รายนี้...เคยรู้จักแบบผ่านๆ คือช่วงที่ท่านยังเป็นเลขาฯ ของอดีตรัฐมนตรี ประสิทธิ์ ณรงค์เดช เคยร่วมไปนั่งกินข้าวกับท่านอยู่ 1 มื้อ พร้อมกับเพื่อนรัก เพื่อนซี้ ที่ไม่รู้ว่ายังคิดจะซี้กับตัวเราอยู่อีกหรือไม่ เพียงใด คือคุณพี่ นฤนารท  พระปัญญา แต่ถึงจะรู้จักแบบผ่านๆ ผิวๆ เอามากๆ โดย กิตติศัพท์ ของผู้บริหารธุรกิจสิ่งพิมพ์อย่างคุณ ชูเกียรติ  อุทกะพันธุ์ นั้น ต้องเรียกว่า...สะท้านบ้าน สะท้านเมือง ถือเป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจสิ่งพิมพ์อันถือเป็นธุรกิจประเภท ปราบเซียน ได้อย่างงดงาม น่าชื่นชมและน่ายกย่องเอามากๆ...

                                                                                                                                 (3)

            การไปง่าย ไปเร็ว ของบรรดาผู้ที่เคยอยู่ในแวดวงเดียวกันนี้ เลยทำให้อดหันมาคิด หันมามองตัว (กู) เอง ขึ้นมาไม่ได้ คือถึงแม้จะหัวหก-ก้นขวิด ไม่เคยประสบสิ่งที่เรียกว่า  ความสำเร็จ แบบใครต่อใครเค้าซักกะที แต่ไม่น่าเชื่อ...ก็คงต้องเชื่อนั่นแหละว่า ดันไม่คิดจะตาย หรือยังคงไม่ยอมตายเอาง่ายๆ ลากยาวว์ว์ว์มากว่าบรรดาผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ไม่รู้จะกี่ปีต่อกี่ปีเข้าไปแล้ว จนชักเป็นอะไรที่เบื่อๆ  เซ็งๆ ยิ่งเข้าไปทุกที และการที่ดันมีอายุยาวกว่า มากกว่า  บรรดาผู้ที่ลา-ละ-สละจากโลกใบนี้ไปแล้วหลายต่อหลายราย  เลยทำให้อดคิด อดตั้งคำถาม กับตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ว่าจะสามารถใช้ช่วงเวลา นาที ในแต่ละเม็ด ในแต่ละจังหวะที่เข็มนาฬิกากระดิก ให้มันเกิดประโยชน์โพดผลกับตัวเองและผู้อื่น ได้มาก-น้อยเพียงใดได้มั่ง จะเอาแค่ หายใจทิ้ง ไปวันๆ นั้น คงไม่น่าจะถูกเรื่อง หรือไม่น่าจะ เข้าท่า มากมายซักเท่าไหร่นัก...

                                                                                                                     (4)

            อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็น ปัญหา ซึ่งออกจะใหญ่โต มโหฬาร พอสมควร โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เหลือเวลาอยู่น้อยนิด ผู้ที่กำลังใกล้แง้มฝาโลง ใกล้เคาะโลง เข้าไปทุกที คือถ้าหากจะใช้เวลาเท่าที่เหลืออยู่ไปในการ เบียดเบียนผู้อื่น  เหมือนอย่างเท่าที่เคยเป็นมา ขณะยังอยู่ในวัย ฉะ-กัน  (ฉกรรจ์) มันก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าจะสิ้นเปลือง สูญเปล่า หรือแทบไม่ได้ประโยชน์โพดผลใดๆ มากมายนัก เผลอๆ...ระหว่างพะงาบๆ อาจต้องลุกขึ้นมานั่งสวด ยะถา และ สัพพี ขออโหสิกรรม ขอล้างบุญ ล้างบาป ขอยกเลิกความเป็น เจ้ากรรม-นายเวร กับใครต่อใครเขา จนอาจไม่มีเวลาสงบ-สว่าง-สะอาด ได้ตามที่ปรารถนาและต้องการ ยิ่งการอยู่ในแวดวง วงการ ประเภทนี้ โอกาสที่จะก่อสร้าง เพาะสร้าง  ฟาร์มศัตรู มันออกจะเป็นอะไรที่ง่ายเอามากๆ แค่ขยับปากกา แค่จิ้มๆ ทิ่มๆ เพียงนิดเดียว ก็สามารถนำพาผู้ที่เห็นต่าง หรือผู้ที่ไม่เห็นควรด้วย ยกทัพโยธามาเป็นโขยงๆ...

                                                                                                                     (5)

            ยิ่งถ้าหากมี ความสามารถพิเศษ ในการด่าว่า ติฉิน  นินทา หรือเชือดเฉือนใครต่อใครออกมาเป็นชิ้นๆ ก็ยิ่งต้องระวังตัวยิ่งขึ้นไปอีก ต้องหันไปนั่งนึกถึง คติธรรม ของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ชนิดแทบวันละ  3 เวลาหลังอาหาร ที่ได้ทรงบิณฑบาต ขอให้ใครต่อใครหันมา ปิยวาจา เข้าไว้ เลิก เหี้ย-ห่า-และสารพัดสัตว์ หรือเลิก  วจีทุจริต ใดๆ ก็ตาม หรือหากเลิกไม่ได้ เพราะกลัวจะท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ใดๆ ก็เถอะ ก็น่าจะลองหาทางลดๆ เข้าไว้มั่ง  โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ แก่แล้ว-แก่เลย ทั้งหลาย หรือผู้ที่เหลือเวลาอยู่แค่เพียง หีดหุ้ย เท่านั้นเอง แม้อาจไม่ก่อให้เกิดความ เมามันซ์ซ์ซ์ ต่อบรรดา ไอ้สัส ทั้งหลายอยู่บ้างก็ตาม...

                                                                                                                                 (6)

            ส่วนผู้ที่ไม่ได้มีขีดความสามารถในการ ด่า อย่างเป็นพิเศษ แต่ยังมีเรี่ยว มีแรง ในการ บริหาร-จัดการ ก็คงหนีไม่พ้นต้องหาทางระมัดระวังเช่นเดียวกัน เพราะอย่างที่นักคิด-นักเขียน เรื่องราวเกี่ยวกับ มาเฟีย ออกมาเป็นเล่มๆ อย่างนาย มาริโอ พูโซ แกเคยเอ่ยเป็นวาทะเอาไว้ประมาณว่า  เบื้องหลังความสำเร็จทุกๆ ชนิด...คืออาชญากรรม อะไรทำนองนั้น จริง-ไม่จริง...คงต้องลองไปนั่งคิด-นอนคิดเอาเองก็แล้วกัน แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่เหลือเวลาอยู่เพียงแค่น้อยนิด ยังไงๆ...คงต้องคิดหน้า-คิดหลังเอาไว้ให้จงหนัก ว่าควรจะสานงานต่อ ก่อศัตรูใหม่ กันในแบบไหน อย่างไร มันถึงจะพอสว่าง-สะอาด-สงบเย็น ภายในช่วงชีวิตบั้นปลายกันได้จริงๆ...

                                                                                                                                 (7)

            สรุปเอาเป็นว่า...แม้ยังไม่ถึงกับด่วนตาย เหมือนใครต่อใครเขาง่ายๆ แต่การ มีชีวิตอยู่ ก็ใช่ว่าจะสามารถ ลั้นลา ไปได้เรื่อยๆ ซะที่ไหน??? ยิ่งแก่เท่าไหร่ หรือยิ่งใกล้ตายเท่าไหร่ บรรดา โจทย์ และ คำถาม ในลักษณะที่ว่านี้ มันยิ่งเป็นอะไรที่ใหญ่โต มโหฬาร ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น และเอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงไม่น่าจะต่างอะไรไปจากผู้คนในแวดวงอื่นๆ นั่นเอง ชีวิตที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในชาติใด ชาติหนึ่ง แค่ไม่กี่หมื่นวันเท่านั้นเอง ถ้าหากมันสามารถเป็นไปเพื่อยังประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  อันนั้นนั่นแหละ...ถึงเป็นอะไรที่น่าจะ โอ.เช. แบบสุดๆ...

                                                             --------------------------------------------------------------------

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"