เหิม!ปลดธงชาติไทย ชักผ้า112ขึ้นยอดเสาแทนพาเหรดอัดแนวคิดปิยบุตร


เพิ่มเพื่อน    

  "แรมโบ้อีสาน" ตอก "ปิยบุตร" สมองวนเวียนกับการแก้ไข ม.112 ยันเสียงสนับสนุนให้บังคับใช้เด็ดขาดมีมากกว่าหลายเท่า เชื่อคนไทยอ่านออกเป้าหมายคือจาบจ้วงก้าวล่วงคิดล้มล้างสถาบัน “ลูกชัช เตาปูน” ซัดมักง่ายไม่สนใจโลก เสนอเลิก ม.112 ลาม กม.หมิ่นประมาท โฆษก ตร.แจงดำเนินคดีตามกฎหมาย กลุ่ม 3 นิ้วจูงแพะ 2 ตัวเย้ย สภ.คลองหลวง พร้อมหลักฐานยืนยัน “เดฟ มธ.” โดน ม.112 ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ เหิมหนัก ปลดธงชาติหน้าโรงพัก ชักป้ายผ้าแดง ม.112 ขึ้นสู่เสาธง ขณะที่ ตร.ยกเลิกหมายจับ อ้างหลักฐานยังไม่เพียงพอ

    เมื่อวันที่ 15 มกราคม มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิกมาตรา 112 อ้างว่ามีปัญหาในทุกมิติ โดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายปิยบุตรในสมองถึงยังคงวนเวียนกับการเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่ประเทศต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จากสถานการณ์โควิด-19 แทนที่จะหยุดพูดในเรื่องนี้ก่อน และหันมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ในสมองกลับคิดแต่จะวางแผนในเรื่องก้าวล่วงสถาบัน
         นายสุภรณ์กล่าวว่า ที่นายปิยบุตรระบุว่าขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เสียงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 112 มีมากกว่าเดิมเยอะ ประชาชนจำนวนมากพร้อมสนับสนุน อยากถามกลับว่าแล้วประชาชนที่ไม่สนับสนุนให้มีการยกเลิกมาตรา 112 มีจำนวนมากมายมหาศาลเต็มแผ่นดินเช่นเดียวกัน นายปิยบุตรก็รู้แก่ใจ ซึ่งตนมั่นใจว่ามีมากกว่าหลายเท่า อย่ามาเดาเข้าข้างตัวเองแบบมั่วๆ เอาเอง คนไทยเกือบทั้งแผ่นดินต้องการมีมาตรา 112 ให้คงอยู่ และต้องการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดกับคนที่ฝ่าฝืนกระทำผิดมาตรา 112 เอามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้เด็ดขาด
         "สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพและเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ แต่นายปิยบุตรคิดแต่จะเข้าข้างตัวเองว่ามีคนสนับสนุนจำนวนมาก แต่ไม่สนใจความคิดหรือจิตใจของคนทั้งประเทศเลย สิ่งที่นายปิยบุตรพูดคือความคิดที่คนไทยอ่านออกว่าเป้าหมายคือการจาบจ้วงก้าวล่วงคิดล้มล้างสถาบัน คนไทยไม่ได้โง่ อย่ามาวางแผนคิดทำลายสถาบันเลย คนไทยไม่ยอมแน่นอน"
         ส่วนที่นายปิยบุตรบอกว่าไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก และจะปล่อยให้อนาคตของชาติโดนตั้งข้อหา ดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้นั้น นายสุภรณ์กล่าวว่า ขอให้นายปิยบุตรกลับไปดูพฤติกรรมของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่าเป็นอย่างไร และการดูหมิ่นกล่าวให้ร้ายคนอื่นนั้นนายปิยบุตรถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ ทั้งนี้ การชุมนุมก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่
ไม่ยอมให้เลิก ม.112 เด็ดขาด
          "นายปิยบุตรเป็นถึงอาจารย์ แต่กลับทำตัวไม่มีเหตุผล เห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวเอง โดยไม่สนใจที่จะฟังเสียงคนอื่น ไม่สนใจในสิทธิและเสรีภาพของคนอื่น คนแบบนี้ผมมองว่าไม่เหมาะที่จะเป็นอาจารย์ หรือแม้แต่จะเป็นนักการเมืองที่ถือเป็นผู้แทนของประชาชน ขอให้จำไว้ว่า ถ้าอยู่อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป มาตรา 112 ไม่เคยเดินไปเล่นงานใครก่อน มีแต่นายปิยบุตรและพวกที่เดินมาหามาตรา 112 เองต่างหาก กฎหมายจึงต้องบังคับใช้ เป็น เพราะนายปิยบุตรและพวกในหัวสมองในจิตใจไม่เคยจงรักภักดีและไม่เคยหวังดีต่อสถาบันกษัตริย์ จึงต้องการยกเลิกมาตรา 112 อย่าคิดว่าคนไทยที่รักสถาบันจะโง่ตามความคิดนายปิยบุตรไม่ทัน และคนไทยที่รักสถาบัน ปกป้องสถาบัน จะไม่มีวันยอมให้ยกเลิกมาตรา 112 เด็ดขาด" นายสุภรณ์กล่าว
    นายชื่นชอบ คงอุดม โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไทย โพสต์เฟซบุ๊กไม่เห็นด้วยกับกรณีที่นายปิยบุตรเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยระบุว่า มันง่ายที่อยู่ดีๆ ก็จะบอกให้ยกเลิกกฎหมายไปทั้งยวง ลามปามไปให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาไปด้วย เป็นความคิดที่มักง่ายและไม่สนใจความเป็นจริงของโลกเลย เสมือนว่าคุณปิยบุตรต้องการให้ต่อไปนี้ใครจะด่าพ่อล่อแม่กันในที่สาธารณะ ใครจะใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความใครต่อใครก็ทำได้ ไม่มีความผิดทางอาญา ไปเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเอาได้อย่างเดียว เราจะกลายเป็นสังคมแห่งการโกหกเสรี ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่านี่คงไม่ใช่เสรีภาพอันไม่จำกัดแบบที่คุณปิยบุตรและสาวกต้องการ
    “เอาง่ายๆ เรื่องการโกหก ใส่ร้ายป้ายสี ที่จริงในทางศาสนายังถือว่าผิดศีลข้อ 3 แต่นี่กฎหมายอาญาที่ควบคุมไว้ เรื่องการหมิ่นประมาท คุณปิยบุตรกลับต้องการให้ยกเลิกเสียนี่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ม.112 คุณปิยบุตรพูดเหมือนว่ากฎหมายนี้มีไว้ทำร้ายคนบริสุทธิ์เท่านั้น ไม่มีการทำผิดหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน เคยเกิดขึ้นจริง ผมแนะนำให้คุณปิยบุตรเข้าไปส่องดูในทวิตเตอร์ของเหล่าสาวกคุณปิยบุตรบ้างนะครับ”
    นายชื่นชอบระบุว่า ในฐานะคนที่ทำงานการเมือง ขอแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่สนับสนุนการยกเลิก ม.112 เพราะเห็นว่าการกระทำผิดต่อสถาบันยังมีอยู่จริง โดยเฉพาะเมื่อมีกลุ่มคนที่คอยยุยงปลุกปั่นความคิด อนาคตของชาติให้เกลียดความเป็นไทย ใส่ชุดความคิดที่ผิดๆ ให้เกิดความเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืนของสถาบันหลักของชาติ ทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ และกระบวนการยุติธรรม ขอเรียกร้องให้การใช้กฎหมายมาตรานี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และใช้เท่าที่จำเป็น กับการกระทำผิดที่ชัดเจนเท่านั้น ตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในเวลาที่ต้องการความสามัคคี รัฐบาลกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ปัญหาการระบาดของโควิด-19 นี่คือเวลาที่เราต้องช่วยเหลือร่วมมือกัน เราคงไม่ต้องการให้ใครมากวนน้ำให้ขุ่น สร้างความแตกแยกทางความคิด
    นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่นายปิยบุตร รวมถึง ส.ส.พรรคก้าวไกลเตรียมผลักร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎร แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ แต่โดยเนื้อหาแล้วตนไม่เห็นด้วย และตนมีสิทธิที่จะคัดค้านทุกวิถีทาง
    เมื่อถามว่าจะถึงขั้นยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยเหตุที่นายปิยบุตรครอบงำพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่อยากขู่ใคร หากเขามั่นใจขอให้ดำเนินการตามที่คิดไว้ และตนมั่นใจว่าจัดการได้
ตำรวจทำตามกฎหมาย
        เมื่อถามว่า การใช้มาตรา 112 กับกลุ่มนักศึกษาจนเกินเหตุเป็นเหตุผลที่พอฟังได้หรือไม่ที่จะแก้ไขกฎหมาย นายไพบูลย์ กล่าวว่า นักศึกษามีปัญหาในวิธีคิดและการนำเสนอ ซึ่งตนไม่อยากพูดข่มขู่ แต่หากเขามั่นใจขอให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดมาตรา 116 และ 112 ว่าได้ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการระดับกองบัญชาการ ที่สำคัญตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่นโยบาย และตำรวจจะละเว้นไม่ได้ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิพบทนายความ เนื่องจากเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้ปิดกั้นสิทธิดังกล่าว ทั้งนี้ การเรียกร้องทางการเมืองเป็นสิทธิเช่นกัน แต่ต้องระวังไม่ให้ไปกระทบสิทธิของผู้อื่น หรือไม่ให้เกิดการกระทำความผิดกฎหมายเรื่องอื่น การเคลื่อนไหวที่กระทบสิทธิผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ผู้เคลื่อนไหวต้องรับผลจากการกระทำนั้น
    “ตำรวจและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมมือดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ออกหมายเรียก ออกหมายจับ ตำรวจพิจารณาโดยคณะกรรมการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ตำรวจขอความเห็นจากศาล จึงเป็นดุลพินิจของศาลที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับให้ ตำรวจทำตามหน้าที่ ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในข้อหามาตรา 116 และ 112 มาอย่างต่อเนื่อง หากไม่ทำแปลว่าตำรวจละเว้น ก็จะเป็นความผิดตามกฎหมายเช่นกัน”
    เมื่อถามว่าการเข้าไปจับกุมแกนนำในเวลากลางคืน ถูกตั้งคำถามว่าทำไม่ถูกต้องหรือไม่ พล.ต.ต.ยิ่งยศชี้แจงว่า สอบถามเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมแล้ว ทราบว่าเป็นการจับตามหมายในที่สาธารณะ ไม่มีข้อห้ามว่าต้องจับกี่โมง ผู้ต้องหามี ถิ่นที่อยู่ไม่ชัดเจน มีแนวโน้มว่าจะไม่ปรากฏตัวให้จับหรือไม่มีแนวโน้มว่าจะหลบหนี เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นไปยังศาลขออนุญาตออกหมายจับ ศาลพิจารณาออกหมายจับให้ ตำรวจก็ไปจับกุมตามหมายจับ ขั้นตอน ทำตามระเบียบวิธีปฏิบัติตาม ป.วิอาญา ทุกประการ
     วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชยพล ดโนทัย หรือเดฟ นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ปี 2 คณะรัฐศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เดินทางมาชี้แจงข้อกล่าวหา เนื่องจากถูกแจ้งข้อหา มาตรา 112 คดีเดียวกันกับนายสิริชัย นาถึง หรือนิว ชัยพล นักศึกษาชั้นปี 1 วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกลางดึกคืนวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำแนวร่วมฯ พร้อมด้วยมวลชนส่วนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ และมีการ์ดอาสา We volunteer หรือวีโว่ คอยรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยืนประจำการณ์รอบบริเวณอาคารสำนักงานตำรวจ
ตร.ยกเลิกหมายจับ'เดฟ มธ.'
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการ์ดวีโว่ได้ขึ้นป้ายที่ระบุข้อความ “ตื่นเถิดตำรวจกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย” ซึ่งเคยปรากฏหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนหน้านี้ โดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมกลุ่มวีโว่ ได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดกลางดึกคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณกองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ ขณะจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์กินกุ้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้นำป้ายออก
    ต่อมา นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ามาในพื้นที่เพื่อสอบถาม พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ว่าหมายจับใคร เลขที่ 15/2564 ซึ่งข้อหาคือการกระทำความผิดร่วมกัน ถ้าจะให้ความเป็นธรรม พนักงานต้องไปเพิกถอนหมาย เพราะหมายจับยังมีผลอยู่ เรามีหลักฐานชัดเจนว่า นายชยพลไม่ได้อยู่ในที่กล่าวหา ไปเพิกถอนหมาย ทุกอย่างจะจบได้ คืนความเป็นธรรมให้เขา
    ด้าน พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งหรือแจ้งข้อกล่าวหา และยังไม่มีหมายจับ วันนี้อย่างมากแค่สอบพยาน แต่ในส่วนของคดีไม่สามารถพูดได้ เพราะไม่ได้มีหมายเรียกให้มา  
นายนรเศรษฐ์กล่าวย้ำว่า นายชยพลต้องมายืนยันความบริสุทธิ์ใจ ถ้าท่านยืนยันว่าไม่ได้ออกหมายจับ หมายค้น ต้องเอาหลักฐานมายืนยัน ถ้าเป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด ต้องไปยื่นคำร้องเพิกถอนหมายจับ แต่ต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีหลักประกันว่าจะถูกบุกจับอีกหรือไม่ ซึ่งวันที่ 9-10 มกราคม 2564 มีหลักฐานชัดเจนว่าอยู่หาดใหญ่ เป้าหมายคือเราต้องการเรียกร้องให้มีการออกคำร้องเพิกถอนหมายจับ
    ต่อมา เวลา 11.30 น. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ย้ายไปจัดกิจกรรมริมฟุตปาธหน้า สภ.คลองหลวง จากนั้นนายชยพลจูงแพะจำนวน 2 ตัวเดินมายังด้านหน้า สภ. พร้อม น.ส.ปนัสยาและนายพริษฐ์
         โดยนายพริษฐ์กล่าวว่า “เอาแพะมาให้ 3 ตัว รวมเดฟด้วย” พร้อมเปิดเพลงมาร์ชราษฎร นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งแถวอย่างหนาแน่นเพื่อจับแพะของเราเป็นที่เรียบร้อย ดูสิว่าคุณจะห้ามเข้ามาอีกไหม คุณไม่ให้เอาเข้าไปก็มาจับแพะตรงนี้ ดูสิตำรวจ เขาจ้างมาจับโจร มาจับแพะ จับป้าย จับนักศึกษา จับหนังสือ จับได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนร้าย ขอเรียนถามผู้กำกับว่า ในฐานะที่คุมคลองหลวง ผมอยู่ที่นี่มานานกว่าท่าน ท่านรู้หรือยังบ่อนคลองหลวงอยู่ตรงไหน ถ้าไม่รู้จะชี้เป้าให้ แลกกัน เลิกยัดคดี เลิกจับแพะเสียที
    จากนั้น เวลา 11.40 น. นายชยพล หรือเดฟ กล่าวว่า ณ วันนี้ ที่ต้องมา สภ.คลองหลวง เป็นเพราะภายหลังมีการจับกุมนายสิริชัย หรือนิว ได้ปรากฏในหมายค้นของนิวว่าเดฟเป็นบุคคลผู้ถูกออกหมายจับ ในการร่วมกระทำความผิด ขี่จักรยานยนต์ไปพ่นสเปรย์ที่รูป ซึ่งวันนี้มีข้อเท็จจริงจะมายืนยันตำรวจว่า ณ วันเกิดเหตุอยู่ที่บ้านเกิด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะเดินทางด้วยความเร็วขนาดไหนไปพ่นสี แล้วกลับไปนอนที่ มธ. ซึ่งมีหลักฐานตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม-14 มกราคม ว่าไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ มีหลักฐานชัดเจน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงออกหมายจับตน
เหิมหนักปลดธงชาติชูป้ายผ้าแดง ม.112
    ด้านนายนรเศรษฐ์ ทนายความ กล่าวว่า หลักฐานมีทั้งการสั่งแกร็บและหลักฐานว่าอยู่หาดใหญ่ เพราะนิวเพิ่งเดินทางมาเมื่อคืน เราจึงมาเรียกร้องให้พนักงานสอบสวนที่หากพิจารณาแล้วว่าเดฟไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิด ต้องไปยื่นคำร้องให้เพิกถอน หมายจับ ตราบใดที่ไม่มีการเพิกถอน ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะถูกจับหรือควบคุมตัว
    จากนั้นกลุ่มคณะราษฎรได้นำธงชาติลงมาจากยอดเสาธงหน้าสภ.คลองหลวง โดยมีกลุ่มการ์ดวีโว่ใส่ชุดดำได้ล้อมเสาธงไว้ให้กลุ่มคณะราษฎรนำป้ายผ้าสีแดงมีเครื่องหมาย 112 สีขาวชักขึ้นสู่ยอดเสาแทน แล้วโรยดอกไม้จันทน์ไว้บริเวณรอบเสาธง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง 8 นายได้เดินไปที่เสาธงเพื่อนำป้ายผ้าสีแดง 112 ลงมา แล้วเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเขาดังเดิม
    โดยช่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บป้ายผ้าสีแดงเกิดเหตุชุลมุน เนื่องจากกลุ่มคณะราษฎรได้ทำการแย่งป้ายผ้าคืนจากเจ้าหน้าที่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ยอมคืนให้ จากนั้นกลุ่มคณะราษฎรได้นำป้ายมีข้อความว่า สถานที่จัดแสดงคอกสุนัข...จากภาษีประชาชน กางขึงไว้ที่หน้า สภ.คลองหลวง
    อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ที่ 16/2564 ได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกหมายจับ เนื่องจากตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมพบว่า ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับนายชยพล ดโนทัย โดยศาลมีคำสั่งรับคำร้อง เรียกสอบแล้ว ผู้ร้องแถลงยืนยันตามคำร้อง อนุญาตให้ถอนคำร้อง ยกเลิกหมายจับ
    ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความประณามการเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎร หลังไปชุมนุมที่สถานีตำรวจเพื่อให้กำลังใจนักศึกษาที่ถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 โดยระบุว่า ขอประณามการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สำหรับการที่กลุ่มของเพนกวิน โปรยอาหารสุนัข (อาหารหมา) ให้แก่ตำรวจที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยตำรวจได้นั่งดูอย่างอดทน ไม่โต้ตอบอะไร ในความคิดของผม ถือว่าเด็กกลุ่มนี้เหยียดหยามศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง คนกลุ่มนี้หรือที่จะนำการปฏิรูปประเทศ คนเหล่านี้หรือที่เรียกร้องความเท่าเทียม เรายอมให้คนเหล่านี้เป็นผู้นำการปฏิรูปหรือ สำหรับผม นอกจากผมไม่ยอมรับแล้ว ผมยังรังเกียจและขยะแขยง และผมขอประณามการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมนี้อีกครั้งหนึ่ง.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"