งามหน้า! พบ 33 เจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ มี ตร.ร่วมกว่า 20 นาย ยศสูงสุดระดับ "รองผู้การ" เตรียมชง "บิ๊กปั๊ด" ตั้ง กก.สอบพร้อมรายงานนายกฯ "เพื่อไทย" ซัดรัฐบาลตั้ง กก.แก้บ่อนไร้สาระ บอกสั่ง ผบ.ตร.เอาจริงได้ประโยชน์กว่า "แก้วสรร" ชง "บิ๊กตู่" ฟัน ม.157 ตร.พื้นที่บ่อน เชื่อได้ผล
    เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบขบวนการขนแรงงานต่างด้าวต้นเหตุการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบขบวนการขนแรงงานต่างด้าวมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดเสนอ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบ โดยเบื้องต้นประมาณ 33 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย ที่เหลือไม่ขอเอ่ยถึงเป็นหน่วยไหน บางคนมีหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ ส่วนหนึ่งหลักฐานอาจถึงแค่วินัยหรือปกครอง
    พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เมื่อมีเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เสนอ ผบ.ตร.ให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธาน และมีตนคอยกำกับดูแล นอกจากนี้จะมีคณะของจเรตำรวจฯ และจากส่วนกลางเข้าไปช่วยตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อนำข้อเท็จจริงที่ได้ไปดำเนินการ เช่น บางส่วนที่ต้องดำเนินคดีอาญาก็ต้องดำเนินไป บางส่วนหลักฐานไม่ถึงก็ต้องดำเนินทางวินัย ถ้าเกี่ยวพันหน่วยอื่นก็จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อไปเชื่อมโยงกับคณะที่นายกฯ จะแต่งตั้ง
    "ในการตรวจสอบครั้งนี้พบเส้นทางขบวนการแรงงานต่างด้าว สัปดาห์หน้าจะออกหมายจับประมาณ 8 ราย เป็นเครือข่ายที่นำเข้าแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดครั้งนี้ บางส่วนเป็นการปล่อยปละละเลยและเกี่ยวข้องในขบวนการขนแรงงานต่างด้าว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้สอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าว เพียงแต่เราพบพยานหลักฐานจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบในรายละเอียดให้เขาได้ชี้แจง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการแรงงานต่างด้าว มีทั้งตำรวจชั้นสัญญาบัตรและตำรวจชั้นประทวน ยศสูงสุดระดับรองผู้บังคับการ" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว
    รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในการเสนอ ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่คาดว่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.นี้ ไม่เฉพาะตำรวจ จะรวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย อะไรที่เป็นความผิดอาญาตำรวจต้องดำเนินการ ช่วงนี้เน้นการสกัดกั้นไม่ให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามา ซึ่ง ผบ.ตร.อยู่ระหว่างลงนามออกคำสั่งให้จัดทำแผนแต่ละพื้นที่ตามแนวชายแดนให้รัดกุม โดยมอบหมายให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง
    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล โดยสั่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เน้นย้ำมาตรการป้องกันการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
    ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินคดีลักลอบเล่นการพนันว่า เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาพยานหลักฐาน สภาพแวดล้อม สาธารณูปโภคและร่องรอยที่เขาใช้ โดย ผบ.ตร.สั่งเรื่องนี้ต้องเอาให้ถึงที่สุด ตัวการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องถูกดำเนินการเอาตัวมาดำเนินคดีให้ได้
    ถามว่ามีข่าวเจ้าของบ่อนหนีออกนอกประเทศ โฆษก ตร.กล่าวว่า ยังไม่ขอยืนยัน แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดช่องทางการหลบหนีทุกช่องทาง ทั้งช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีหลายหน่วยราชการดูแลอยู่ ทั้งช่องทางปกติซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิดไม่ง่ายที่จะหลบหนี
    "การออกหมายเรียกผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนพนัน พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานพอสมควร เพราะเป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ใครที่เกี่ยวข้องตัวบงการ ผบ.ตร.สั่งให้จัดการเด็ดขาด" โฆษก ตร.กล่าว
    นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุว่า กล้ายืนยันไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่มีโควิดก็แก้ไม่ได้ จะเปลี่ยนรัฐบาลกี่รัฐบาล หรือจะเปลี่ยนนายกฯ กี่นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ จะเลือกตั้งหรือจะปฏิวัติอีกกี่ครั้ง หรือจะมีโควิดอีกกี่รอบ ผมก็เชื่อว่าทั้งบ่อน ทั้งซ่อง ทั้งยาเสพติดก็ยังมีอยู่ มันฝังรากลึกมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัยแล้ว เกินกว่าที่ใครจะทำอะไรได้ นี่เรากำลังดัดจริตอะไรกันอยู่หรือเปล่า ก็รู้อยู่แล้วว่าเงินมันมีอิทธิพลอยู่เหนือการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ
    ส่วนนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาบ่อนการพนันว่า เป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง อย่างคำสั่ง คสช.เมื่อปี 57 ที่ระบุต้องปราบปรามบ่อนและอบายมุขก็ไม่มีผลอย่างเป็นรูปธรรมนัก ถ้ารัฐบาลอยากแก้ปัญหา แค่สั่งการไปยัง ผบ.ตร.ว่าเขตไหนมีบ่อนการพนันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบออกจากราชการไว้ก่อนทั้ง 5 เสือและผู้บังคับบัญชา 3 ระดับขึ้นไป เพื่อสอบสวน จะได้ไม่มีระบบนายช่วยน้อง และต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ถ้าใครรู้เห็นเป็นใจ ก็ต้องลงโทษห้ามรับตำแหน่งผู้กำกับการ และสายป้องกันและปราบปราม รวมถึงสายสืบสวนสอบสวนอย่างน้อย 5 ปี ถ้าการดำเนินการชัดเจนแบบนี้คิดว่าคงไม่มีใครกล้าปล่อยให้มีบ่อนในพื้นที่
    นายแก้วสรร  อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง "ความรับผิดชอบของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ว่าการที่นายกฯ พูดว่าต่อให้ร้อยนายกฯ ก็แก้ปัญหาการพนันไม่ได้ ก็ถูกนะ ผีพนันกับการพนันมันหายไปจากโลกไม่ได้หรอก จะมีนายกฯ กี่ร้อยคนก็ยังแอบเล่นกันอยู่ดี ซึ่งนายกฯ บอกเรื่องนี้ต้องช่วยกันทุกฝ่าย คำถามจึงมีอยู่ว่าฝ่ายนายกฯ เองได้ทุ่มเททำในส่วนที่ตนรับผิดชอบแล้วหรือยัง    
    "การที่นายกฯ บอกให้ชาวบ้านช่วยกันแจ้งเบาะแสมา เป็นคำขอที่น่าอายมาก ที่ถูกต้องนั้นต้องทำให้ระบบทำงานด้วยตัวเองให้ได้ ซึ่งก็ยังพอจะมีทางจัดการได้ ถ้ามีใจและสมองสมแก่ตำแหน่ง การพบบ่อนที่ไหนเด้งตำรวจที่นั่นยังไม่พอ สิ่งที่ผู้กำกับและสารวัตรกลัวที่สุดคือการถูกสอบทางวินัยและข้อหาละเว้นหน้าที่โดยทุจริตตาม 157 นายกฯ ต้องใช้อำนาจปรับวิธีปฏิบัติราชการให้พวกเขากลัวตรงนี้ให้ได้ เริ่มจากให้เขาต้องรายงานผลการตรวจบ่อนในท้องที่มายังศูนย์ตรวจสอบกลางในเวลา 20.00 น.ทุกวันก่อน" นายแก้วสรรกล่าว
    ถามถึงการตรวจสอบการทำงานของตำรวจพื้นที่ในการรายงานเรื่องบ่อนอย่างไร นายแก้วสรรกล่าวว่า ให้มหาดไทยในพื้นที่ ทั้งนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และราชการท้องถิ่น มีสิทธิรายงานบ่อนที่พบเห็นมาได้ เมื่อข้อมูลตรวจซ้ำไหลเข้าศูนย์และตรวจทานความถูกต้องแล้วพบว่าโรงพักรายงานเท็จ ตรงนี้ก็ถึงขั้นตั้งกรรมการสอบและพักราชการผู้ที่รายงานได้เลย อย่างต่ำก็โดนบกพร่องต่อหน้าที่แน่นอน เพราะคนอื่นเขาตรวจพบ แต่คุณเป็นเจ้าของพื้นที่กลับตรวจไม่พบได้อย่างไร
    นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กเสนอว่า ถ้าพรรคกล้าเป็นรัฐบาล เราจะเอาการพนันขึ้นไว้บนโต๊ะเลย วิธีแก้ปัญหาไม่ใช่การขอให้คนร่วมมือเลิกเล่นการพนัน แต่การทำให้การพนันอยู่บนโต๊ะ โดยมีกฎหมายรองรับ และมีการกำกับดูแล มีการเสียภาษีให้รัฐเข้าระบบ เพื่อนำเม็ดเงินกลับมาใช้จ่ายดูแลประชาชน แทนการเข้ากระเป๋ามาเฟีย ถ้าตามนี้นายกฯ คนเดียวที่มีความกล้า ทำได้แน่นอน
    วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รอง ผบช.บช.ภ.2 รักษาการ ผบก.ภ.จว.จันทบุรี มีคำสั่งให้ ร.ต.อ.อำพัน บุญค้ำ รอง สวป.สภ.เมืองจันทบุรี และ ส.ต.ท.ณัฐชนน แนวตัน ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย หลังเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ว่าที่ร้อยตรีชยุต พรมเทศ ปลัดอำเภอ จับกุม ร.ต.อ.อำพัน และ ส.ต.ท.ณัฐชนน กับพวกในความผิดฐานลักลอบเล่นการพนันไพ่ เหตุเกิดที่ร้านขายอาหารตามสั่ง เลขที่ 10/56 ตรอกเมตตา ต.ตลาด อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.2564 เป็นต้นไป.