OR เคาะราคาไอพีโอหุ้นละ 16-18 บาท


เพิ่มเพื่อน    

 

14 ม.ค. 2564 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ได้แจ้งในแบบขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไฟลิ่ง) ว่า กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่หุ้นละ 16 - 18 บาท และคาดว่าจะประกาศราคาสุดท้ายภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นวันที่ 25 – 28 มกราคม 2564 ส่วนผู้จองซื้อรายย่อย วันที่ 24 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2564 และผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ วันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2564

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด ระบุว่า การเข้าซื้อขายของหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ ปกติจะกดดันตลาด และหุ้นในกลุ่มเดียวกันปรับตัวลดลงในช่วง 1 เดือนก่อนเข้าตลาด เนื่องจากกองทุนทั้งในและต่างประเทศจะต้องเตรียมเงินปรับพอร์ต เพื่อจองซื้อหุ้นไอพีโอ สะท้อนได้จากหุ้นบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) ก่อนเข้าตลาด 1 เดือน ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 6.75% และลงแรงกว่าดัชนีหุ้นไทยที่ลดลง 3.5% เช่นเดียวกับ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ก่อนเข้าตลาด 1 เดือน ดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลง 10.6% ลงแรงกว่าดัชนีหุ้นไทยที่ลดลง 5.3% 

ขณะที่ หุ้นไอพีโอขนาดใหญ่อย่าง OR เตรียมเข้ามาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเมินว่ามีสัดส่วนมูลค่ากิจการประมาณ 5% ของมูลค่าหุ้นพลังงานทั้งหมดในตลาด ซึ่งน้อยกว่าสัดส่วนของ AWC เทียบกับกลุ่มฯ และ CRC เทียบกับกลุ่มฯ ซึ่งมีสัดส่วนสูงเกิน 15.9% และ 15.4% ตามลำดับ ดังนั้นสัดส่วนขนาดของหุ้น OR ที่มีไม่มากเมื่อเทียบกับกลุ่ม หนุนให้การปรับพอร์ตของกองทุนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อเตรียมเงินในการจองซื้อหุ้น OR ถือว่ามีความคล่องตัวมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้กดดันดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานไม่มากตามไปด้วย

นอกจากนี้ หุ้น OR มีโอกาสเข้า SET50 และ SET100 แบบ Fast Track จากเกณฑ์ตลาด คือใหญ่กว่าหุ้นอันดับที่ 20 ของหุ้นในตลาด โดยเบื้องต้นประเมินมูลค่ากิจการ OR ในวันที่เข้าตลาดมีโอกาสสูง 200,000-270,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่ามูลค่ากิจการล่าสุดของหุ้นใหญ่อันดับที่ 20 อย่าง KTC ที่ 201,000 ล้านบาท ทำให้จะต้องมีหุ้นบางบริษัทที่ออกจาก SET50 คาดว่า หุ้นที่มีโอกาสหลุด คือ COM7, TTW และหุ้นที่มีโอกาสออกจาก SET100 คือ TKN, BEC, MAJOR, WHAUP


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"