ป.ป.ช.ยื้อสอบนาฬิกาหรู "บิ๊กป้อม" 2-3เดือน ทั้งที่สอบพยานครบแล้ว รวมถึงทายาทปัฐวาท เผยคดีเมียเนวิน-ชนม์สวัสดิ์คืบ รอรวบรวมหลักฐานเพิ่ม ป.ป.ท.ตั้งอนุฯ ไต่สวนอีก 4 จังหวัด ขรก.พันโกงเพิ่ม 28 ราย
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการเป็นเจ้าของนาฬิกาที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากนาฬิกาแต่ละเรือนมีหมายเลขกำกับ โดยสามารถตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายได้ แต่อาจต้องใช้เวลา เพราะมีนาฬิกากว่า 20 เรือน
สำหรับการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวนั้น ขณะนี้สอบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งทายาทของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่ามีการยืนยันการเป็นเจ้าของนาฬิกาหรือไม่ ส่วนการจะเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอดูผลการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาอีกครั้งหนึ่งก่อน
"ยืนยันว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. ไม่ได้ชะงัก แต่การตรวจสอบจะต้องรอพยานหลักฐานจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ยอมรับว่าอาจเสร็จไม่ทันภายในเดือน พ.ค.นี้ และอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา" นายวรวิทย์ระบุ
เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีเงินทอนวัด ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมาให้ตรวจสอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยเจ้าหน้าที่กำลังดูสำนวน ตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน แต่ไม่ระบุชัดว่าการส่งข้อมูลล่าสุด มีพระผู้ใหญ่เกี่ยวข้องการการทุจริตเงินทอนวัดเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากเดิมที่ส่งมามีจำนวน 7 รูป
นอกจากนี้ มีความคืบหน้าการตรวจสอบคดีทางการเมืองที่น่าสนใจ อย่างคดีกล่าวหานางกรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง และเจ้าของทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด กับพวก เบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬา จ.บุรีรัมย์ จำนวน 20 ล้านบาท ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายให้ประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั้น เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้สรุปและเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ายังมีประเด็นที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงให้คณะอนุกรรมการฯ ไปดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน
ส่วนคดีเงินอุดหนุนวัดในจังหวัดสมุทรปราการเพื่อก่อสร้างเตาเผาศพ 3 ปี 800 ล้านบาท ที่มีการกล่าวหานายชนม์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สมุทรปราการ กับพวกนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคดีทุจริตสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งนั้น มีความคืบหน้าประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว รวมถึงการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการการเลือกตั้ง อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง
นายวรวิทย์กล่าวด้วยว่า กรณีอัยการสั่งฟ้องนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับพวก ในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาตินั้น กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2551 คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่ง ป.ป.ช.ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
ทางด้าน พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่งว่า วันนี้สำนักงาน ป.ป.ท.ได้เสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท นครนายก ระยอง อุดรธานี อุทัยธานี กาญจบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร และประจวบคีรีขันธ์ ที่มีพฤติกรรมทุจริตเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง แต่ไม่นำเงินไปให้ตามรายชื่อ หรือให้ไม่ครบจำนวน โดยในช่วงเช้าที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน 5 จังหวัด คือ ชัยนาท นครนายก ระยอง และอุดรธานี และมีข้าราชการถูกตั้งข้อกล่าวหา 28 ราย จากเดิมจำนวน 217 ราย รวมเป็น 245 ราย ซึ่งมีทั้งระดับ ผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ และผู้สนับสนุน
สำหรับจังหวัดที่เหลือจะทยอยนำเข้าที่ประชุมบอร์ด ป.ป.ท.ให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะในแต่ละสำนวนคณะกรรมการฯ ต้องพิจารณาอย่างละเอียด และให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากทุกรายชื่อที่ตั้งข้อกล่าวหาต้องส่งให้ต้นสังกัดสอบสวนทางวินัย และย้ายพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อย หรือเพียงแค่บกพร่องต่อหน้าที่ไม่ควรถูกเหมารวมว่ากระทำทุจริต
พ.ต.ท.วันนพกล่าวถึงการจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวที่จ.สิงห์บุรี ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยจะพิจารณาจากประเด็นคุณภาพผ้าห่มเป็นอย่างไร ซื้อในราคาแพงเกินจริงหรือไม่ เปรียบเทียบกับราคากลางที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเคยตั้งงบจัดซื้อไว้ คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ จะทราบผล ส่วนการตรวจสอบนิคมสร้างตนเองและศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่ราบสูง รวมทั้งหมด 28 แห่ง หรือการขยายผลสอบในเฟสที่ 3 ได้กำหนดระยะเวลาการตรวจสอบไว้ภายใน 90 วัน ซึ่งจะสามารถสรุปได้ว่ามีความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินหรือไม่
ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า พม.จะมีการเชิญผู้ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มาหารือเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังข้าราชการ ซึ่ง พม.ที่มีน้อย ทำให้ต้องจ้างลูกจ้างรายวัน รายเดือน รายปี โดยคนเหล่านี้ไม่ได้ทำงานกับเรานาน ทำให้เป็นจุดอ่อน จึงต้องทำยุทธศาสตร์กระทรวงเพื่อปิดจุดอ่อน ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันการทุจริต และทำให้คนที่ทำงานสามารถยับยั้งชั่งใจ มีดุลยพินิจดีขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |