'จตุพร' งงอย่างแรง!ร้านข้าวต้มปิด 3 ทุ่ม แต่ 7-11 เปิดได้ตลอดวัน


เพิ่มเพื่อน    

12 ม.ค. 64 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ว่า ต้นเหตุเชื้อโควิดระบาดรอบสองนั้น มาจากการปล่อยปละละเลยของรัฐบาลและกลไกรัฐ ทั้งจากความบกพร่อง หย่อนยานในเรื่องบ่อนพนันและไร้มาตรการคุ้มเข้มรักษาชายแดน ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงมีคำถามว่า รัฐบาลจะเยียวยาเดือนละเท่าไร อีกทั้ง ค่าผ่อนรถ บ้าน น้ำ ไฟ จะเอากันอย่างไง เพื่อช่วยคนไทยไม่ให้คนอดตาย สิ่งที่ห่วงใยที่สุดคือ รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้คนไทยเห็นว่า รัฐบาลเกินเยียวยา เนื่องจากการระบาดอารมณ์แบบทนไม่ไหวแล้ว เท่ากับคนจะไม่เอารัฐบาลไว้ เพราะการระบาดโควิดคราวนี้มาจากการบกพร่องของรัฐบาล พร้อมทั้งการแก้ปัญหายังไร้ประสิทธิภาพ และไม่รับผิดชอบ อีกอย่าง เมื่อรัฐบาลผ่านบทเรียนแก้ปัญหาโควิดมาหนึ่งครั้งแล้ว แต่โควิดมาระบาดรอบที่สองรัฐบาลกลับดักดานอีก รัฐบาลจึงเป็นปัญหาหนัก ประชาชนอาจคิดได้ว่า ไม่รู้จะเอาไว้ทำไม ถ้ารัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเร็ว ประเทศก็จะฟื้นเร็วขึ้น ถ้าทำไม่ได้ก็เกินเยียวยา จะอยู่ไปทำไม ถ้าแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ 

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ ถ้าผู้นำประเทศไม่คิดแก้ปัญหาประชาชนอย่างเป็นระบบแล้ว เชื่อว่า เมื่อรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ จะเกิดปรากฎการณ์คนไทยลุกขึ้นมาช้าแต่เคลมเร็วก็ได้ ซึ่งอารมณ์คนขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่งน่ากลัวอย่างมาก ไม่เข้าใจว่า รัฐบาลมีหลักคิดอะไร จึงออกมาตรการให้ร้านข้าวต้มปิด 3 ทุ่ม แต่ร้าน 7-11 ของเจ้าสัวเปิดได้ 24 ชม. ท้ายที่สุด เงินก็ไหลเข้ากระเป๋านายทุนผูกขาดหมด ดังนั้น มาตรการเช่นนี้คนได้ประโยชน์ก็คือกลุ่มทุน ซึ่งแบบนี้คิดได้อย่างไรกัน ขอเตือนให้รัฐบาลต้องรู้จักประชาชนให้มากกว่านี้ อย่าคิดว่าจะเอาโควิดคุมรัฐบาลได้ เพราะสักวันหนึ่งถ้าคนไทยทนไม่ไหวแล้ว ประชาชนจะตื่นขึ้นมาเอาเรื่อง แม้คนไทยจะเป็นคนตื่นยาก แต่เมื่อตื่นขึ้นจะเอาเรื่อง และจัดการปัญหาจนเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วกลับไปนอนหลับตามเดิมต่ออีก ขอให้รัฐบาลคิดถึงชาติบ้านเมือง อย่าได้เอาแต่ตัวเองรอด ระวังจะพังพินาศ ช่วงนี้คนเดือดร้อนรอดูว่า รัฐบาลจะเยียวยาอย่างไร ขอให้รัฐบาลคิดให้ได้ ถ้าคิดไม่ได้คนไทยจะมองว่าเกินเยียวยา แล้วจะลุกขึ้นมาจัดการ ซึ่งไม่มีใครมายุยงปลุกปั่นหรอก เพราะเขาจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญคุ้มครองให้กระทำได้ 

“เรียกร้องถึงทุกฝ่ายว่า ถ้าทนกันไม่ไหวแล้ว เราควรร่วมกันคิดอ่าน โดยคิดถึงจะทำอะไรบางอย่างกันบ้าง ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพราะชาติบ้านเมืองจะได้มีแนวทางเดินไปข้างหน้า ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ถ้าไม่แก้ไขปัญหาแล้ว จะมีรัฐบาลไปทำไม หากรัฐบาลยังไม่รู้สำนึกแล้ว ทุกฝ่ายควรได้พูดคุยจัดการรัฐบาลกัน เพื่อไม่ให้บ้านเมืองไปสู่จุดอับ เพราะการปล่อยให้รัฐบาลไปสร้างความเสียหายที่สุด บ้านเมืองย่อมอยู่ลำบากในปัจจุบันและอนาคตช่วงนี้รัฐบาลอยู่ในสภาพเสื่อม และประชาชนไร้ทางออก แล้วเราจะไปกันอย่างไร จึงต้องชวนด้วยเสียงดังว่า จะปล่อยให้บ้านเมืองอยู่แบบลำบากไม่ได้ ดังนั้น หนทางข้างหน้ายังคือความยากจน เกิดปัญหาปากท้อง และการไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล แล้วเวลารัฐบาลไม่ควรอยู่เป็นภาระของประชาชนจะมาใกล้ที่สุดทุกขณะแล้ว เมื่อทุกคนบอกทนไม่ไหวแล้ว จึงเชื่อว่า คราวนี้จะเป็นผ้าป่าสามัคคี คนจะลุกฮือออกจากบ้านเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะทนความยากลำบากไม่ได้  คนไทยจึงต้องผนึกกำลังกัน และขอทุกฝ่ายถามกันว่า ถึงเวลาหรือยัง ถ้ามันล้มเหลวสิ้นเชิงแบบนี้ ผมว่า ไม่ควรรอกันอีกต่อไป ต้องมาล้มรัฐบาลกัน และมาร่วมกันคิดอ่านอย่างเป็นระบบ เพราะไม่มีทางออกใดอีกแล้ว”นายจตุพรกล่าว 

นายจตุพรกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไม่พิจารณาตัวเอง ย่อมเป็นหน้าที่ของประชาชนต้องพิจารณาตัวรัฐบาลแล้ว และเมื่อรัฐบาลทำไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่เป็นภาระของประชาชน ส่วนโครงการส่งพี่น้องกลับบ้านนั้น แม้ขณะนี้เป็นการตั้งความคิดไว้รองรับคนตกงานในวันข้างหน้าก็ตาม แต่โดยหลักคิดแล้ว การกลับไปอยู่บ้านที่มีพ่อ แม่ พี่น้อง ลูก เมีย ย่อมมีความสุขกว่าช่วงไร้งานทำและเดือดร้อนอยู่กรุงเทพฯ เพราะอย่างน้อยที่บ้านมีความอบอุ่น มีข้าวกินประทังชีวิตเพื่อรอการตั้งหลักชีวิตครั้งใหม่อีก 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"