ควันหลงคดี "สิระ" โดนศาล รธน.ตีตก เด็กชวน-ส.ส.ก้าวไกลฟัดกันนัว "ราเมศ" แจงยิบไทม์ไลน์ส่งคำร้องก่อนแพ้ฟาวล์ ยันประธานสภาทำทุกอย่างถูกขั้นตอน ซัดทำตัวเป็นเด็กอมมือ "ธีรัจชัย" สวนกลับแค่เด็กรับใบสั่งโต้แทนนาย ส.ส.ปทุมธานีเพื่อไทยก้นร้อน โร่แจงไม่ได้รับเงินมาล็อบบี้ ส.ส.อีสานให้ล้มคำร้อง
ควันหลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดีที่ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อกันเพื่อยื่นคำร้องให้ศาล รธน.วินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ กรณีเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันกระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญาฯ แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทยมีการถอนชื่อ จนทำให้ศาลไม่รับคำร้องเพราะจำนวน ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อไม่ถึงตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่จบ
โดยเมื่อวันที่ 11 ม.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีมี ส.ส.ฝ่ายค้านออกมากล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง โดยได้ลำดับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยละเอียดว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 โดยมี ส.ส.ร่วมกันลงชื่อ 62 คน ปรากฏว่ามี ส.ส.ถอนชื่อจากคำร้อง 10 คน และมีการตรวจลายมือชื่อโดยฝ่ายสำนักงานเลขาธิการสภาไม่ตรงตามลายมือชื่อที่ได้ให้ไว้อีก 2 คน เท่ากับรวมทั้งสิ้นเหลือผู้ลงชื่อ 50 คน ซึ่งครบตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 กำหนดไว้ว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่
เลขานุการประธานรัฐสภากล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค.63 เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดของประธานสภาผู้แทนราษฎรมีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 คำร้องที่ยื่นไปมีความสมบูรณ์ ไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด และมีการแจ้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ว่าได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันที่ 28 ธ.ค.63 เวลา 14.45 น. และเวลา 14.50 น. มี ส.ส.สองท่านได้ยื่นหนังสือขอถอนรายชื่อออกจากคำร้อง เมื่อเจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรรับหนังสือดังกล่าว ก็ได้มีการส่งตรวจสอบลายมือชื่อตามกระบวนการ และได้นำเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนระบบราชการ และยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ธันวาคม 2563 เวลา 16.20 น. เพราะถือว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การถอนชื่อต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย จะไปก้าวล่วงมิได้
นายราเมศให้ข้อมูลอีกว่า จากนั้นวันที่ 6 ม.ค.64 มีการยื่นเอกสารขอเพิ่มชื่ออีก 5 คนผ่านสำนักงานประธานในเวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ได้ส่งตรวจลายมือชื่อในเวลา 13.00 น. ผลการตรวจสอบกลับมายังเจ้าหน้าที่วันที่ 7 ม.ค.64 และมีการเสนอตามขั้นตอนราชการเสร็จเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่สภาก็ได้เดินทางไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเวลา 15.50 น. ระหว่างนั้นเองมีการเผยแพร่ข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งลงวันที่ 7 ม.ค.64 โดยระบุว่าได้มีการประชุมเพื่อปรึกษาคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 กรณีขอเพิ่มชื่อ ส.ส.อีก 5 คน ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถรับเข้าสู่สำนวนได้ เพราะได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับ 2 ส.ส.ที่ขอถอนชื่อ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.64 เวลา 14.10 น. และเวลา 14.15 น. ตามลำดับ ได้ทำหนังสือเพื่อขอยกเลิกการถอนชื่อนั้น เป็นกรณีที่ได้ยื่นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้วอีกเช่นกัน ดังนั้นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า มีการดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้องตรงไปตรงมาทั้งหมด และนายชวนได้ดำเนินการถูกต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
นายราเมศยังกล่าวถึง ส.ส.พรรคก้าวไกลบางคน ที่วิพากษ์วิจารณ์นายชวนว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง และต้องทบทวนตนเองในการทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีประมุขฝ่ายนิติบัญญัติว่า "ส.ส.ก้าวไกลคนนี้เป็นใคร คุณแน่ขนาดไหน ถึงมาพูดแบบนี้ ขอให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนออกมาพูด และควรกลับไปดูตัวเองว่าทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรีความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยหรือไม่ ควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนมีการกล่าวหา ไม่ใช่พออะไรไม่ได้ดังใจก็ออกมาโวยวาย ออกมาโจมตี อย่าทำตัวเป็นเด็กอมมือ ให้ร้ายประธานสภาอยู่เป็นประจำ หนึ่งนิ้วที่ชี้หานายชวน แต่อีก 4 นิ้วกลับชี้เข้าสู่ตัวเองทั้งหมด ดังนั้นขอให้ทำตัวเองให้สมศักดิ์ศรีกับการเป็น ส.ส. จะดีกว่า"
เมื่อถามว่า ภายหลังที่พบว่ามี 2 ส.ส.ที่ลายเซ็นไม่เหมือนกับที่ให้ไว้ต่อสำนักงานเลขาฯ ได้แจ้งให้ ส.ส.คนดังกล่าวทราบหรือไม่ นายราเมศกลาวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สภาตรวจสอบเห็นว่ารายชื่อครบตามจำนวนแล้วส่งไปตามขั้นตอน และตามปกติไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ ส.ส.ที่ถูกตัดชื่อทราบ เพราะไม่มีผลอะไรเนื่องจากจำนวนครบแล้ว
ต่อมานายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ถูกนายราเมศแถลงพาดพิง กล่าวถึงเรื่องนี้ทันทีเพื่อตอบโต้นายราเมศว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่ากรณีเช่นนี้คิดได้ง่ายๆ วิญญูชนโดยทั่วไป การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจงใจไม่บอกกล่าวต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง ว่ามีการผิดพลาดหรือขาดรายชื่อ ลายชื่อไม่เหมือนในเอกสารที่ยื่น ทั้งในกรณีการถอนรายชื่อของ ส.ส.บางส่วนในครั้งแรก และในส่วนของรายชื่อที่ไม่ตรงในเอกสาร และในครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 ม.ค. คือการถอนรายชื่อจาก ส.ส. 2 คนของพรรคเพื่อไทย ทั้งหมดรวม 14 คน ก่อนการยื่นส่งศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการจงใจให้คำร้องดังกล่าวถูกตีตกใช่หรือไม่ เพราะหากยื่นไปไม่ถึง 50 รายชื่อ นั่นก็คือไม่ครบ 1 ใน 10 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าวต่อไปว่า ในฐานะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องในกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลเข้าสู่รัฐสภา และตรวจสอบการทำหน้าที่ตามข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร ว่า ประธานสภาได้ทำหน้าที่เป็นกลางหรือไม่ เป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถตรวจสอบได้ จึงอยากบอกนายราเมศว่ามันไม่ใช่เป็นใครมาจากไหน แต่ตนก็เป็น ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน ที่สามารถตรวจสอบความชอบธรรมได้ กรณีที่นายราเมศกล่าวว่า ที่ทางสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านลงรายชื่อไม่เหมือนในเอกสาร เรื่องนี้ ได้ตรวจสอบแล้วว่าลงรายชื่อไม่เหมือนจริงๆ แต่สภาไม่แจ้งต่อ ส.ส.ทั้ง 2 คนและ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้ทราบ กรณีนี้สภาทราบหรือไม่ว่า หากตัดรายชื่อ ส.ส. 2 คนออกไปจะมีผลให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง นี่คือผลเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ร้องและต้องไปล่ารายชื่อใหม่ ไม่ทราบว่านายราเมศเป็นตัวแทนประชาชนหรือไม่ หรือได้ถูกคำสั่งจากนายชวนให้ออกมาแถลง เพราะนายราเมศไม่มีสิทธิ์ที่จะมาโต้แย้งตัวแทนของประชาชนที่ตรวจสอบการทำงานของประธานสภา และการคัดสรรบุคคลที่เหมาะสมดำรงคุณสมบัติ ส.ส.
"ผมทำตามหน้าที่ แต่ท่านไม่ใช่ หรือท่านถูกสั่งมาอีกที อยากให้ท่านให้คำตอบว่าถูกสั่งมาหรือไม่ อยากให้ท่านโต้แย้งเหตุผล อย่าโต้แย้งด้วยการมาโจมตีด้วยวาทกรรมในอดีตที่พรรคการเมืองบางพรรคใช้หากินตรงนี้มา อย่าทำแบบนี้เลย ขอให้นายชวนออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนในประเด็นที่ผมตั้งข้อสังเกต ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลแบบมีวุฒิภาวะ เพื่ออธิบายว่าการกระทำนั้นชอบด้วยมาตรฐานจริยธรรมและเป็นกลางหรือไม่ ไม่อยากจะให้คนของประธานสภาออกมาปกป้องและใช้โวหารเช่นการเมืองแบบเดิมๆ" ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าว
ด้านนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวระบุว่า ตนเป็นคนชักชวนและโน้มน้าวให้เพื่อน ส.ส.ถอนชื่อออกจากคำร้องถอดถอนนายสิระว่า วันที่ 12 ม.ค.จะเข้าไปคุยกับพรรคว่าเขาจะมีนโยบายอย่างไร แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย คือให้คำปรึกษากับเพื่อนคนสองคนซึ่งเป็น ส.ส.ภาคกลาง ที่มาปรึกษาในฐานะที่เป็นทนายเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อนายสิระมาพูดขู่ในกรรมาธิการและแถลงข่าวขู่ ในฐานะที่อยู่ กมธ.เดียวกับนายสิระก็เข้าไปขอว่าอย่าฟ้องเพื่อนได้ไหม นายสิระก็ตอบว่าถ้าเป็นเพื่อนพี่ให้ แต่ถ้าใครยืนยันลงชื่อกับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์อีกครั้ง เป็นครั้ง 2 ถือว่าเอาเป็นเอาตายกับเขา ซึ่งเขาจะไม่ยอมถอนฟ้องให้ จึงเอาความนี้ไปแจ้งให้กับเพื่อนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปคุยกับ ส.ส.อีสานเลยแม้แต่คนเดียวเพราะไม่สนิท
โดยก่อนหน้านี้ได้โทร.ไปแจ้งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยแล้วว่า มี ส.ส.ภาคกลาง 1 คนประสงค์จะถอนชื่อ ซึ่งเลขาธิการพรรคก็รับทราบ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะขณะนั้นยังไม่ได้เป็นมติพรรค ส.ส.มีเอกสิทธิ์จะเข้าชื่อหรือถอนชื่อได้ มีเพียงกรณีนี้เท่านั้น แต่วันนี้พรรคกลับมาโยนให้ตนคนเดียว ก็ไม่เข้าใจ เป็น ส.ส.สมัยแรกจะไปมีเพาเวอร์อะไรไปคุยกับ ส.ส.อีสานซึ่งเป็น ส.ส.มาหลายสมัย
นายชัยยันต์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจะขอดูท่าทีของพรรคก่อน และหากได้ข้อสรุปอย่างไรอาจจะขอเปิดแถลงข่าวที่สภาสักครั้ง เพราะเรื่องนี้ทำให้เสียในพื้นที่เช่นเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้ล็อบบี้ใคร ไม่ได้รับเงินรับทองใครมาให้คนในพรรคทั้งสิ้น แค่ให้คำแนะนำแก่เพื่อนเมื่อเขามาปรึกษาในฐานะทนายเท่านั้น
ด้านนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเป็น 1 ใน ส.ส.ที่ได้ร่วมลงชื่อถอดถอนนายสิระ และยืนยันว่าไม่ได้ถอนชื่อออกจากญัตติแน่นอน แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีเจ้าหน้าที่รัฐสภาโทรศัพท์มาสอบถามว่าได้ร่วมลงชื่อในญัตติดังกล่าวหรือไม่ เพราะลายมือชื่อที่เซ็นรับรองในญัตติถอดถอนกับลายมือชื่อที่เซ็นรับรองตนเป็น ส.ส.ต่อสภาผู้แทนราษฎรไม่เหมือนกัน จึงได้ยืนยันไปว่าได้ลงชื่อในญัตติถอดถอนดังกล่าวจริง แต่ลายเซ็นอาจไม่ตรงกัน เพราะตอนลงชื่อในญัตติเซ็นแบบหวัดๆ ไม่บรรจง แต่ตอนเซ็นชื่อรับรองเป็น ส.ส.เซ็นตัวบรรจง เจ้าหน้าที่อาจเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้ลงชื่อในญัตติ แต่ยืนยันว่า ได้ลงชื่อแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |