ศบค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 249 ราย ในประเทศ 224 ราย อาการหนัก 28 ราย ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ เหตุกราฟยังชัน ปลื้มคนไทยแห่โหลด "หมอชนะ" วันเดียวกว่าล้านคน สธ.ชี้ตัวเลขเริ่มคงที่เฉลี่ยวันละ กว่า 200 ราย แนวโน้มดีขึ้นพื้นที่สีเขียวเพิ่ม พบเคสโรงเบียร์ศรีราชาต้นตอจากลูกค้าผู้ป่วยระยอง คณะกรรมการโรคติดต่อเคาะ 4 กลุ่มนำร่องฉีดวัคซีน ทร.รับ 2 ทหาร "รล.จักรีนฤเบศร" ติดโควิด สั่งกักตัวกำลังพล 273 นาย

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 มกราคม นพ.ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.  แถลงว่า สถานการณ์ประเทศไทยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่  249 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 224 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 11 ราย และจากเมียนมา เดินทางมาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก 14 ราย ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 10,547 ราย หายป่วยสะสม 6,566  ราย อยู่ระหว่างรักษา 3,914 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 28 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 5 ราย โดยจะพยายามดูแลอย่างดีที่สุด ยายังพร้อม เตียงยังมี และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมคงที่  67 ราย มีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ใน 58 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 50 รายมี 9 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 11-50 รายมี 13 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 1-10 รายมี 36 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเลยมี 19 จังหวัด
    อย่างไรก็ตาม กราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อยังชันอยู่ ต้องกดกราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อลงมาให้ได้ ซึ่งมีมาตรการเข้มในช่วงหลังปีใหม่ แต่ยังกดกราฟลงมาได้เท่านี้เอง จึงต้องกดกราฟตัวนี้ให้ลงมามากที่สุด ส่วนการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก  จะยังคงต้องเดินหน้าใช้วิธีเข้าไปหาในชุมชน โรงงาน โดยเฉพาะใน จ.สมุทรสาครที่มีโรงงานเป็นร้อยเป็นพัน ดังนั้น จึงไม่อยากใช้คำว่าไว้วางใจได้หรือเบาใจได้ เพราะมีโอกาสที่ตัวเลขจะสูงขึ้น แต่เชื่อว่าตอนนี้วิธีการที่กำลังทำกันอยู่  ประกอบกับการดูแลสุขภาพตนเองของแต่ละคนจะสำคัญที่สุด
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า หากจำแนกตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ มาจาก จ.สมุทรสาคร 37 ราย นนทบุรี 31 ราย อ่างทอง 19 ราย กทม. 36 ราย ซึ่งการจำแนกจังหวัดจะเห็นรายละเอียดของอายุผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว กับเล่นการพนัน โดยที่มีอาการหนักหรือเสียชีวิตจะอยู่ในกลุ่ม 40-60 ปีขึ้นไป
    "สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีคือ ในรอบ 24 ชั่วโมงมีจำนวนผู้ใช้แอปพลิเคชันหมอชนะเพิ่มขึ้นวันเดียว 1,549,736 คน  ทำให้มียอดดาวน์โหลดสะสม 6.34 ล้านคน ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ซึ่งความสามัคคีทำให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติต่างๆ ได้ ขอย้ำว่าเราไม่ได้ต้องการจับผิดใคร แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแล และอยากเห็นตัวเลขการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป" โฆษก ศบค.ระบุ
    เมื่อถามถึงกรณีภาคเอกชนสนใจเข้าร่วมสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ช่วยออกเงินในการตรวจคัดกรองโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้ยินอย่างนี้ โดยขอให้ปรึกษากับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบและประหยัด ต้องขอขอบคุณที่เอกชนปกป้องคนของตัวเองดีกว่าไปเสียเงินรักษา ส่วนที่มีวัยรุ่นเสียชีวิตจากการมั่วสุมยาเสพติดยาเคนมผง ตรงนี้อาจเป็นคลัสเตอร์ใหม่ในการติดโควิด-19 ได้นั้น เป็นสาเหตุได้ ถือเป็นชุดพฤติกรรมที่มีการจับกลุ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีการเว้นระยะห่าง และใช้เครื่องมือในการเสพยาเสพติดร่วมกัน
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้ายว่า จะเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อเตรียมเรื่องโรงพยาบาลสนาม และเก็บชุดข้อมูลในต่างจังหวัดมาเล่าให้ฟัง บางครั้งอาจจะไลฟ์สดจากพื้นที่ หลังจากนั้นในวันที่ 12 ม.ค.จะเดินทางไปจังหวัดอำนาจเจริญ อาจจะมีประสบการณ์อะไรดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง  ดังนั้นขอไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ตามที่ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข  โดยได้ขออนุญาตนายกรัฐมนตรีไปทำข่าวในพื้นที่แทนการรายงานจาก ศบค. เป็นการทำหน้าที่คล้ายกับผู้สื่อข่าวภาคสนาม
ศรีราชาไม่จบพบเชื้ออีก
    ที่กระทรวง?สาธารณสุข? (สธ.) นพ.โอภาส การ?ย์?กวิน?พงศ์ ?อธิบดี?กรมควบคุมโรค แถลงว่า แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยรายใหม่ระยะหลังดูเหมือนคงที่เฉลี่ย 200 รายต่อวัน และการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนระยะหลังไม่พบผู้ป่วยจำนวนมากเหมือนช่วงแรก เนื่องจากกลุ่มก้อนระบาดใหญ่ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) และ รพ.สนามแล้ว เป็นความเข้มแข็งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการดำเนินงาน
    "ภาพรวมทั้งหมดพบว่า สีแดงคือจังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 50 ราย, สีส้มมีผู้ป่วยสะสมไม่เกิน 50 ราย,  สีเหลืองมีผู้ป่วยสะสมไม่เกิน 10 ราย และสีเขียวจังหวัดที่เคยมีผู้ป่วย แต่ในรอบสัปดาห์นี้ไม่มีผู้ป่วยแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าขณะนี้สีเขียวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายจังหวัดควบคุมได้ดี มีความเข้มงวดในการตรวจตราคนที่มาจากกลุ่มเสี่ยงหรือจังหวัดควบคุมสูงสุดและควบคุมสูงสุดเข้มงวด การมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นเป็นแนวโน้มที่ดี แต่ต้องคงมาตรการต่อไป โดยเฉพาะส่วนหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือและลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น" นพ.โอภาส ระบุ
    อย่างไรก็ตาม การเรียงเป็นรายจังหวัด ตัวเลขสะสม  6,090 ราย แต่จะเห็นแนวโน้มในจังหวัดที่มีผู้ป่วยมากยังอยู่แถวภาคกลางและตะวันออก โดย 10 จังหวัดแรก ได้แก่  สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กรุงเทพฯ สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง และปทุมธานี ยังคงมีผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้น ส่วนจังหวัดที่เหลือมีการควบคุมโรคที่ดี ทำให้แนวโน้มผู้ป่วยลดลง
    อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า กรณี จ.ชลบุรี ซึ่งพบผู้ป่วยจากคลัสเตอร์โรงเบียร์ 90 ศรีราชา จำนวน 52 คน ผลการสอบสวนโรคพบว่า การติดเชื้อมีจุดเริ่มต้นจากวันที่ 24  ธ.ค.63 ลูกค้าที่เดินทางมาจาก จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดจากคลัสเตอร์บ่อนพนัน โดยลูกค้าคนดังกล่าวเริ่มป่วยวันที่ 27 ธ.ค.63 จากนั้นวันที่ 29 ธ.ค.63 พบการติดเชื้อในพนักงานและลูกค้า วันที่ 31 ธ.ค.63 มีการจัดเลี้ยงพนักงาน และร้านได้ปิดบริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 เป็นต้นมา ทำให้เชื้อแพร่กระจายสู่พนักงาน ลูกค้า นักดนตรี  และกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ดังนั้นลูกค้าที่ไปใช้บริการตั้งแต่วันที่ 24-31 ธ.ค.63 ต้องสังเกตอาการ หลังจากนี้อาจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพราะมีการกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกหลายคน
    สำหรับการสอบสวนลักษณะการระบาดใน อ.ศรีราชา  จ.ชลบุรี จำนวน 253 คน มีดังนี้ คลัสเตอร์การพนัน เป็นผู้เล่นพนัน 69 คน ก่อนนำโรคมาติดผู้สัมผัสใกล้ชิด 28 คน  คลัสเตอร์โรงเบียร์ พบการติดเชื้อในโรงเบียร์ 40 คน ก่อนนำไปติดผู้สัมผัส 12 คน คลัสเตอร์ผับบาร์ญี่ปุ่น ร้านนวด  จำนวน 7 แห่ง พบการติดเชื้อดังนี้ ร้าน A พนักงาน 10  คน ลูกค้า 6 คน ร้าน B พนักงาน 3 คน ลูกค้า 5 คน ร้าน  C พนักงาน 6 คน ลูกค้า 13 คน ร้าน D พนักงาน 1 คน  ร้าน E พนักงาน 9 คน ร้านนวด พนักงาน 3 คน และร้าน  F พนักงาน 3 คน และยังมีผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 22 คน ดังนั้นคลัสเตอร์โรงเบียร์จึงเป็นสถานที่ที่มีคุณสมบัติครบ ทั้งในแง่สถานที่เสี่ยง ปิดอับ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ช่วงเวลาเสี่ยงซึ่งเป็นเวลาเสี่ยง คือเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย และกิจกรรมเสี่ยงจากการกินดื่มร่วมกัน จ.ชลบุรีจึงมีคำสั่งปิดสถานบันเทิงทุกแห่ง ประชาชนจึงไม่ควรนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่  1/2564 ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ด้านการบริหารจัดการวัคซีน การสร้างการรับรู้ การให้บริการวัคซีน การกำกับติดตามผลการดำเนินงาน และการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต การรักษาความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและสังคม ลดการแพร่กระจายเชื้อ ความเสี่ยงผู้สัมผัส โดยวัคซีนที่จัดหามานั้นได้มาตรฐาน คุณภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อย
เคาะ 4 กลุ่มนำร่องฉีดวัคซีน
    โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีนอันดับต้นๆ ได้แก่  1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน 2.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน 3.ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป  4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น  อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทหาร  ตำรวจ ที่จะต้องคัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด เริ่มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด  โดยจะฉีดคนละ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
    นอกจากนี้ ได้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไทย
    เมื่อถามถึงความพร้อมในการเป็นอาสาสมัครฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในล็อตแรก นายอนุทินกล่าวว่า  "ผมฉีดอยู่แล้ว" ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. แซวกลับว่า "เดี๋ยวจะเป็นคนฉีดให้"
    เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะฉีดด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้านายกฯ ประสงค์จะฉีดก็ต้องให้ท่านนำ แต่หากนายกฯ บอกให้ตนลองก่อน  เราต้องยอมตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องปกป้องผู้บังคับบัญชาก่อน
    ด้าน นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ได้กำหนดการรณรงค์ให้บริการวัคซีนตั้งแต่ ก.พ.-พ.ย.64 โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งสื่อสารประชาชนให้มีความรู้ทั้งผลดีและข้อควรระวัง  และประสานโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัดและโรงพยาบาลเอกชนร่วมให้บริการ และได้ให้โรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งสำรวจกลุ่มเป้าหมายล่วงหน้า เตรียมจัดบริการรองรับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก จัดทีมบริการเคลื่อนที่ และเตรียมความพร้อมเรื่องระบบลูกโซ่ความเย็น โดยจะมีระบบการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีน และติดตามประเมินผลการให้บริการเป็นรายเขต จังหวัด อำเภอ และพื้นที่
    ที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี นายสาธิต ปิตุเตชะ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเยี่ยมชมระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติงานด่านหน้าดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า รพ.สนามธรรมศาสตร์ มีเตียงรองรับ 308 เตียง เป็นความร่วมมือของ สธ.กับโรงเรียนแพทย์ รองรับผู้ป่วยติดเชื้อในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเขตสุขภาพที่ 4 ได้แก่ จ.สระบุรี  นนทบุรี ลพบุรี อ่างทอง นครนายก สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี นอกจากนี้ยังเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อแรงงานประเทศเพื่อนบ้านจาก จ.สมุทรสาคร  หากพื้นที่ดังกล่าวมีความแออัดสูงและไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ
    วันเดียวกัน เวลา 15.00 น. พลเรือโทเชษฐา ใจเปี่ยม  โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่ามีกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศร  จำนวน 2 นาย ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีกำลังพลบางส่วนของเรือหลวงจักรีนฤเบศรไปรับประทานอาหารยังร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีนั้น กองทัพเรือขอเรียนว่า พยาบาลประจำเรือได้ดำเนินการคัดกรองสอบถามกำลังพลที่ไปในพื้นที่เสี่ยงตามประกาศ และตรวจพบว่ามีกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศร จำนวน 11 นาย มีประวัติเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว จึงได้ส่งตัวเข้ารับการตรวจที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลในสังกัดกรมแพทย์ทหารเรือ
ทหารเรือติดโควิด 2 นาย
    ซึ่งผลการตรวจกำลังพลทั้ง 11 นาย ตรวจพบเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 นาย โรงพยาบาลจึงได้แจ้งไปที่ทีมสอบสวนโรคและได้ร่วมกันค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และนำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้ารับการกักกัน และเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน  273 นาย อยู่ระหว่างรอผลการตรวจและเสนอรายงานให้กองทัพเรือทราบ ทั้งนี้ได้นำกำลังพลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องกักกันโรครวม 273 นายเข้ากักตัวภายในอาคารรับรองสัตหีบ ที่จัดไว้โดยทันทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะกักตัวจนครบและปฏิบัติตามมาตรการกักกันโรคทุกประการ
    ที่ จ.สมุทรปราการ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 8 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดทั้งหมด 269 ราย รักษาหายแล้ว 23 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 246 ราย อยู่ในโรงพยาบาลของรัฐ 169 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 77 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยในสัปดาห์นี้จะมีการตรวจเชิงรุกในชุมชนอีกประมาณกว่า  6,000 ราย   
    ที่ จ.พิษณุโลก นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ยกระดับมาตรการเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งแจ้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดพิษณุโลก ปฏิบัติดังนี้ 1.งด-ลด-ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็น 2.งดการเดินทางไปยังพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด  หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องเดินทางไป ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนดอย่างเคร่งครัด และให้กักตัวเองเพื่อสังเกตอาการให้ครบ 14 วัน จนปลอดภัยจากเชื้อโรค จึงกลับมาปฏิบัติงานตามปกติ
    3.ศึกษาและสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ ในมาตรการ คำสั่ง ข้อกำหนดต่างๆ ของ ศบค.แก่ข้าราชการ  เจ้าหน้าที่ และบุคลากรในสังกัด เพื่อขยายผลไปสู่ประชาชน และปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ตามมาตรการของ ศบค. โดยเฉพาะมาตรการ D/M/H/T/T  อย่างเคร่งครัด และ 4.พิจารณาปรับการทำงานในลักษณะการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับลักษณะงานและการเดินทางของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรในสังกัด
    ที่ จ.เชียงใหม่ นายวีระพันธ์? ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 3 ราย  เจ้าหน้าที่กำลังติดตามกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งกับผู้ป่วยเดิมและป่วยใหม่ให้ครอบคลุมทั้งหมด?
    อย่างไรก็ตาม การพบผู้ติดเชื้อล่าสุดมีรายงานข่าวด้วยว่าเป็นเด็กเล็กด้วย ทำให้ประชาชนเริ่มวิตกกังวลเพิ่ม หากแหล่งการแพร่เชื้อไม่ใช่?เฉพาะสถานบันเทิงเช่นก่อนหน้านี้
    ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แถลงว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 17 ปี ซึ่งถือเป็นรายที่ 6 ของการระบาดรอบใหม่ โดยเป็นเพื่อนของผู้ติดเชื้อรายที่ 5 โดยไม่แสดงอาการรุนแรง และขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ รพ.ขอนแก่นอย่างใกล้ชิด
    ที่ จ.ชลบุรี นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เปิดเผยว่า หากรัฐบาลอนุมัติให้ท้องถิ่นสามารถจัดซื้อวัคซีนได้เอง เทศบาลนครแหลมฉบังก็มีความพร้อม โดยมีประชากรประมาณ 80,000 คน ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินต่อประชาชน 1 คนที่ต้องใช้คนละ 2 โดส  โดสละ 500 บาท ต้องใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลได้เตรียมเงินสะสมไว้จำนวน 80 ล้านบาทแล้ว.