11 ม.ค. 64 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดถึง 9 คน เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มนักเสพคือ “เคนมผง”ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำศพผู้เสียชีวิตเพื่อชั้นสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ให้ข้อมูลมาว่ายาตัวนี้น่าจะมาจากการผสมระหว่าง เฮโรอีน เคตามีน ไอซ์และยานอนหลับชนิดหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์กดประสาท และกระตุ้นประสาททำให้เกิดผลต่อร่างกายประมาณหนึ่ง เป็นเรื่องการทดลองของกลุ่มผู้เสพยาอยากลองของใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายพอสมควร ส่วนผู้เสียชีวิต เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุระบบหายใจและหมุนเวียนโลหิต แต่จะเสียชีวิตจากยาเสพติดหรือไม่นั้น ต้องรอผลการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนยาเสพติดตัวนี้จะมีส่วนผสมอะไรบ้าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อยู่ระหว่างนำไปตรวจวิเคราะห์ น่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ ภายหลังทราบเรื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.ปส. แม่งานเรื่องยาเสพติดไปสุ่มตรวจสอบตามสถานที่คาดว่ายาเสพติดตัวนี้จะแพร่ระบาด พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบสถานบริการที่คาดว่ายาเสพติดตัวนี้จะแพร่ระบาดและให้เร่งดำเนินการกวาดล้างทันที
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ยาเสพติดตัวนี้จะน่าเป็นการทดลองผสมผสาน เนื่องจากวัฒนธรรมของผู้เสพยาจะนำไอ้โน้นไอ้นี่มาผสมกันเพื่อเสพทดลองรสชาติที่แปลกใหม่ ส่วนกลุ่มผู้เสพที่เสียชีวิตหลายคนจะรู้จักคุ้นเคยกันหรือไม่ยังตอบไม่ได้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ บช.ปส. ที่ต้องสอบพยานแวดล้อมคือผู้เสพที่ยังไม่เสียชีวิต ฝากไปยังกลุ่มวัยรุ่นยาเสพติดจะผสมอะไรหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้ว ทำลายสุขภาพตัวเองและผิดกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) เผยว่า นมผงตัวดังกล่าวเป็นยาที่ผสมขึ้นเองในหมู่ของผู้เสพเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ยามีฤทธิ์แรงขึ้นสนุกมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าของตัวยาให้มีราคาสูงมากขึ้น ทั้งนี้พบว่ายาตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากแหล่งในจังหวัดปทุมธานีเนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นแหล่งพักยาและสามารถหาส่วนผสมทั้งหมดได้ง่าย
ทั้งนี้ส่วนผสมของยาดังกล่าวมี 4 ตัว คือ เฮโรอีน เคตามีน ไอซ์ และยานอนหลับ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่าตัวยาที่อันตรายที่สุดคือเฮโรอีน เนื่องจากยาเสพติดชนิดดังกล่าวมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการโอเวอร์โดสจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากที่สุด โดยมียานอนหลับเป็นตัวประสานตัวยาและตัวเร่งฤทธิ์ของยาทั้งหมด โดยผู้เสพจะมีอาการมึนเมาเหมือนคนเมาเหล้าแต่จะไม่มีกลิ่นสุรา และจะมีอาการสะลึมสะลือ โดยอาการที่อันตรายที่สุดคืออาการปากเขียวคล้ำ และมีเลือดออกทางจมูก เนื่องจากอาการดังกล่าวแปลว่าผู้เสพมีอาการเสพยาเกินขนาดจนร่างกายไม่สามารถรับได้ หรือน็อคยา หากพบอาการดังกล่าวให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ยาเสพติดประเภทดังกล่าวหากเสพเพียงครั้งเดียวก็อาจถึงแก่ชีวิตได้เพราะเป็นยาที่มีขนาดค่อนข้างรุนแรง
ส่วนสาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในพื้นที่ สน. วัดพระยาไกร จากการวิเคราะห์ของชุดสืบสวนเชื่อว่าในจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีอพาร์ทเม้นท์แหล่งท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเป็นจุดที่ผู้ใช้ยาแต่ละคนนำยากลับมาเสพในที่พักของตนเอง ทั้งนี้คาดว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะมีความเชื่อมโยงกันไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจึงสามารถนำยาชนิดดังกล่าวมาเสพในกลุ่มและกระจายกลับไปในพื้นที่ของตนเอง
เบื้องต้นตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ขอตัวอย่างยาที่พบในที่เกิดเหตุส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. นำไปตรวจสอบแยกสารประกอบและตรวจสอบองค์ประกอบว่ามีตัวยาส่วนผสมชนิดใดมากที่สุดและยาเสพติดตัวใดที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |