เหลือขอ! ตำรวจชลบุรีบุกจับบ่อนพนันในคอนโดฯ หรู รวบ 21 นักพนันไทย-ต่างชาติ ไม่สน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่กลัวติดโควิด ตั้ง 3 ข้อหาหนัก "หมอวรงค์" จี้นายกฯ ต้องสร้างความเชื่อมั่น เร่งจัดการปัญหาบ่อน แรงงานเถื่อน ซูเปอร์โพลแฉข้าราชการและ เจ้าหน้าที่รัฐคือต้นตอและอุปสรรคแก้วิกฤติชาติและโควิดรอบใหม่  ทุจริตต่อหน้าที่ "อนุทิน" เดือด! จ่อชงเก็บเงินรักษาผู้ป่วยโควิดที่ติดจากการเล่นพนัน คนทำผิดต้องไม่ได้รับสิทธิ์เท่าสุจริตชน
    วันที่ 9 มกราคม 2564 พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.พิศิษฏ์ พูลทรัพย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.สภ.หนองปรือ ในฐานะหัวหน้าชุดศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, นายพรชัย สังข์เอียด ปลัดอำเภอบางละมุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.บางละมุง นำกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าตรวจค้นห้องพักภายในโครงการ ESPANA คอนโดฯ ตั้งอยู่ริมถนนจอมเทียนสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้ทำการสืบทราบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันไม่สนใจประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
    จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณชั้น 5 ภายในห้องพักดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชายหญิงจำนวนหลายคนกำลังล้อมวงลักลอบเล่นไพ่โป๊กเกอร์กันอย่างสนุกสนาน สามารถจับกุมนักพนันได้ทั้งหมด 21 คน ประกอบด้วย ชาวจีน 14 คน, ชาวไทย 5 คน, สิงคโปร์ 1 คน และชาวกัมพูชา 1 คน พร้อมของกลางเป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้ 1 ชุด ไพ่ชิปเงินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีในฐานความผิด 1. ลักลอบเล่นพนัน 2.มั่วสุมฝ่าฝืนข้อกำหนดประกาศหรือคำสั่งที่ออกตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 3.เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เข้าประชุมกับคณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขด้วยความไม่สบายใจ คณะแพทย์พูดถึงเรื่องการลักลอบเล่นการพนันที่ยังมีอยู่ ซึ่งตำรวจจับได้ตามข่าว และการเข้ามาของคนไทยที่มีอาการป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และยังมีอีก 200-300 คน ที่ลักลอบข้ามแดนออกไปทำงานในบ่อน รอกลับเข้ามาเพราะบ่อนปิดและมีอาการป่วย
        ทั้งนี้ ได้ตั้งคำถามกับที่ประชุมว่า กับผู้กระทำผิดกฎหมายทั้งเล่นการพนัน ลักลอบข้ามแดนไปมาแล้วป่วย โรงพยาบาลต้องเสียเงิน เสียทรัพยากร เสียกำลังคนไปดูแลคนเหล่านี้ และต้องจำกัดเวลาให้บริการประชาชนทั่วไป ต้องเลื่อนนัดทั้งตรวจรักษา ผ่าตัด รับยา งบประมาณที่ควรจะไปดูแลรักษาประชาชนทั่วไป ต้องมาใช้ดูแลคนทำผิดกฎหมายเหล่านี้อีกนานและมากแค่ไหนยังไม่รู้ ประชาชน คนทำมาหากินสุจริต ร้านค้า ร้านอาหาร ผู้ประกอบการธุรกิจ จะต้องเสียเงิน เสียรายได้ เสียโอกาสการทำงานและการมีงานทำไปอีกนานเท่าไร
ติดจากบ่อนต้องจ่ายค่ารักษา
    นายอนุทินยังได้ยกข้อกฎหมายโรคติดต่อ มาตรา 41 และ 42 ที่กำหนดไว้ชัดว่า คนที่เป็นเจ้าของพาหนะหรือนำผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโรค รวมทั้งผู้เดินทางเข้ามาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัว เฝ้าระวังอาการ ดูแล รักษาพยาบาล รวมถึงการป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค คนที่พาเข้ามาและตัวเอง โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายให้ แต่ก็ถูกแย้งว่าไม่สามารถทำได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 กำหนดไว้ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
         รมว.สาธารณสุขตั้งคำถามว่า รัฐควรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ หรือหากต้องจ่ายก็น่าจะต้องเรียกเก็บจากผู้ที่นำเชื้อโรคเข้ามา ทั้งผู้ป่วยและผู้จัดหานำเข้ามา จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้
    "ผมจะนำเรื่องนี้ไปประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางปฏิบัติ ป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายโดยไม่มีความรับผิดชอบ เพราะคิดว่าเมื่อป่วยรัฐมีหน้าที่ต้องรักษาให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกต่อไป คนทำผิดต้องไม่ได้รับสิทธิ์เท่าสุจริตชน" นายอนุทินระบุ
       ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อีกสถานการณ์ที่ต้องสร้างการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในพื้นที่คือ มีผู้เดินทางข้ามชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก พบผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อไม่มาก จำนวน 17 คน จากการเดินทางทั้งหมด 40 คน ทั้งหมดทำงานในบ่อนกาสิโนฝั่งเมียนมา โดยทั้ง 40 คนขอประสานเข้ามารับการรักษาในเมืองไทย อายุอยู่ในช่วง 20 ต้นๆ ซึ่งผู้ติดเชื้อใน 17 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 9 คน ทั้งนี้ เมื่อค้นประวัติกลับไป มีผู้เดินทางข้ามพรมแดนธรรมชาติลักลอบเข้ามาเมื่อ 4 ม.ค. จำนวน 1 ราย เล่าให้ฟังบ่อนดังกล่าวมีผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น จึงได้เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลแม่สอดต่อ
       นพ.จักรรัฐกล่าวว่า ทั้งนี้ ผลการประเมินเบื้องต้น จากการสอบสวนโรคของ จ.ตาก พบว่าในกาสิโนแห่งนี้มีคนทำงานทั้งหมด 300 คน เป็นคนไทย 200 คน ชาวเมียนมา 100 คน ซึ่งได้ประสานทางการไทยและเมียวดีให้คัดกรองเบื้องต้นก่อน อาจจะมีจำนวน 10 คนที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวก และกำลังจะข้ามกลับมาในวันที่ 10 ม.ค.นี้ และขอให้เข้ามาอย่างถูกต้องในช่องทางปกติ และขอย้ำว่าหากพบเห็นลักลอบข้ามแดน ให้แจ้งทางการให้ทราบด้วย
       นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า กรณีแม่สอด ที่พบผู้ป่วยที่ลักลอบเข้ามาตามช่องทางที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ดังนั้นมาตรการที่ทำก็คล้ายคลึงกันคือจัดให้เขาเข้ามาโดยถูกกฎหมาย มาเข้าสถานกักกันโรค มาตรวจสอบ คนไหนป่วยเราก็ดูแลรักษา คนไหนไม่ป่วยเราก็ดูแลให้ครบ เพื่อไม่ให้โรคไปกระจายสู่ชุมชน และการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายต้องไม่มีอีก สิ่งสำคัญคือเราประเมินว่าอาจมีคนไทยติดค้างอยู่เป็นร้อยคน ติดเชื้อหรือไม่ยังไม่พิสูจน์ ดังนั้นจึงต้องมีการจัดตั้งสถานกักกันโรคใน อ.แม่สอดให้เพียงพอต่อไป
    ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า ต้องจี้รัฐบาล แล้วเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผลการระบาดของโควิดรอบนี้เป็นผลพวงจากการใช้อำนาจไม่ชอบ ปล่อยปละละเลย การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ จนประชาชนรับทราบกันไปทั่ว นั่นคือปัญหาบ่อน แรงงานเถื่อน ซึ่งสะท้อนออกมาจากผลโพลพบว่า ร้อยละ 98.5 ระบุข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐคือต้นตอและอุปสรรค แก้วิกฤติชาติและโควิดรอบใหม่ ทั้งทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลย และมีส่วนทำให้เกิด ในช่วงเวลานี้ รัฐบาลจะมัวแต่ตั้งรับ แก้ปัญหาโควิดอย่างเดียวไม่ได้
    "ตัวท่านนายกฯ ต้องเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน นั่นคือจัดการปัญหาการทุจริต และความล้มเหลวของระบบราชการโดยด่วน ต้องขอย้ำว่าการแก้ปัญหาการทุจริต แค่สั่งย้ายอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องจัดการแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง รวมทั้งปฏิรูปโครงสร้างระบบราชการ ให้ตอบสนองประชาชนมากที่สุด สิ่งที่ท่านนายกฯ ต้องเร่งดำเนินการ ไม่เพียงแต่ทำให้รัฐบาลสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนได้เท่านั้น แต่นั่นหมายถึง ความเชื่อมั่นต่อระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุของประเทศด้วย" นพ.วรงค์ระบุ
ข้าราชการโกงคือต้นตอ
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า     ที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไรบ้าง นอกจากกู้กับแจก แม้แต่แจกเงินก็เกิดปัญหา สร้างเงื่อนไข ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ทั่วถึง ถ้าเวลา 6-7 ปี แก้ปัญหาบ่อนพนัน-ค้าแรงงานเถื่อนไม่ได้ ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แก้ปัญหาวิกฤติประเทศเหล่านี้ได้หรือไม่ แสดงว่าเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเหล่านี้เลย ทั้งที่ใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมากกว่า 20 ล้านล้าน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้สินประเทศที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา
    "ใครบังคับให้กู้ กู้จนได้ฉายารัฐบาลเวรีกู้ แล้วจะไปโทษใคร บ้านเมืองวิกฤติขนาดนี้ ทีมเศรษฐกิจหาย เหลือแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาแนะนำถ้าไม่อยากติดโควิด ให้อยู่บ้านเฉยๆ 2 สัปดาห์ หวังว่ารัฐบาลคงไม่ใช้ยุทธศาสตร์อยู่ทำเนียบฯ เฉยๆ แล้วปัญหาบ่อนพนัน-ค้าแรงงานเถื่อนจะหมดไป" นายอนุสรณ์กล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง โควิดกับการปฏิรูป กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,445 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
ถามความเห็นของประชาชนต่อ หัวหน้าส่วนราชการในการแก้ปัญหาโควิดรอบใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.5 ระบุข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐคือต้นตอและอุปสรรคแก้วิกฤติชาติและโควิดรอบใหม่ ทั้งทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลย และมีส่วนทำเอง รองลงมาคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 ระบุนายกรัฐมนตรี ควรไล่บี้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง จัดการหัวหน้าส่วนราชการต้นเหตุโควิดรอบใหม่
ร้อยละ 96.5 ระบุถ้าจัดการผู้บัญชาการตำรวจแต่ละระดับ ก็ต้องจัดการหัวหน้าส่วนราชการอื่นๆ ด้วย เช่น กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย เพราะอยู่ในพื้นที่เกี่ยวข้องทั้งแรงงานต่างด้าวและบ่อน
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.3 ระบุสิ่งที่เห็นคือความจอมปลอม เฟกของนักการเมือง ผู้มีอำนาจรัฐท่าทีขึงขังจัดการบ่อนพนัน แต่หลังลงพื้นที่เจอผลประโยชน์เอื้อ เรื่องเงียบ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.9 ระบุนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไป ไม่เด็ดขาด จัดการหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นต้นเหตุโควิดรอบใหม่ ไม่เหมือนช่วงยึดอำนาจใหม่ๆ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 48.7 ระบุยังไม่เห็นมีหัวหน้าส่วนราชการใดออกมาทำให้เห็นว่าจะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 14.1 ระบุสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ร้อยละ 9.6 ระบุกระทรวงมหาดไทย, ร้อยละ 9.4 ระบุตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ร้อยละ 9.1 ระบุกระทรวงแรงงาน ในขณะที่เพียงร้อยละ 0.8 ระบุกระทรวงพาณิชย์ (เยียวยาช่วยเหลือ ลดทุกข์ยากประชาชนจากโควิดรอบใหม่) และเพียงร้อยละ 8.3 เท่านั้นที่เห็นทุกส่วนทำดีเต็มที่แล้ว
อิทธิพลมืด บดขยี้ อำนาจรัฐ
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 ต้องการเห็นการ ปฏิรูปการทำงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตำรวจ แรงงาน มหาดไทย ถอนรากถอนโคน ขบวนการต้นตอแพร่เชื้อโควิด คืนความสุขประชาชนเหมือนเคยสัญญาไว้ หลังยึดอำนาจปี 2557 ในขณะที่เพียงร้อยละ 3.1 ไม่ต้องการ
ผศ.ดร.นพดลกล่าวว่า “อิทธิพลมืด บดขยี้ อำนาจรัฐ” กำลังเป็นภาพเด่นชัดขึ้นหลังโควิดระบาดรอบใหม่ สะท้อนอำนาจรัฐอ่อนแอแต่ทำเป็นขึงขังจัดการเด็ดขาดแต่แพ้ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องที่เกี๊ยะเซียะลงตัวจนเรื่องเงียบ แต่ที่เด่นดังเห็นชัดคือ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ส่วนสัญญาประชาคมที่จะคืนความสุขของประชาชนจากนายกรัฐมนตรีและผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลปกครองบ้านเมือง ก็ถูกทวงถามมาตลอด ตอนนี้ ณ เวลานี้ ถ้ามีอัศวินขี่ม้าขาวจากเบื้องบนสั่งการระดมกำลังกวาดล้างครั้งใหญ่ ปฏิรูปการทำงานของข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยทุกระดับในห้วงเวลานี้ได้ “จริงจัง ต่อเนื่อง” ผลที่ตามมาคือความศรัทธาภักดีจากกลุ่มราษฎรประชาชนทั้งประเทศต่อเสาหลักของชาติจะกลับคืนมาได้ไม่ยากนัก แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เพราะส่วนนี้คือข้อเสนอแนะ
    วันที่ 9 ม.ค.2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้นำตัวนางระมัย ไชยมา หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ความผิดฐานร่วมกันให้คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม กรณีที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้นำแรงงานชาวโรฮีนจา 19 คน ไปพักอาศัยที่บ้านเช่าย่านดอนเมือง และต่อมาถูกฝ่ายสืบสวนตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดปทุมธานี มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก
    โดยระหว่างที่มีการนำตัวนางระมัยมาฝากขัง เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่การนำตัวออกจาก สน.ดอนเมือง โดยตำรวจผู้ควบคุมตัวได้สวมใส่ชุด PPE ตลอดเวลา และนำนางระมัยขึ้นรถที่ใช้ในการสนับสนุนภารกิจส่งกลับโควิด-19 เพียงคนเดียว แยกจากการควบคุมผู้ต้องหาคดีทั่วไป เมื่อมาถึงที่ศาลอาญา ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ในการนำส่งฝากขังโดยไม่นำผู้ต้องหาลงจากรถ และปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของศาล ทำการตรวจวัดไข้ ซักประวัติซ้ำ รวมถึงเช็ดล้างเครื่องมือภายในรถเพื่อความปลอดภัยด้วย
    ขณะที่นายประกันผู้ต้องหาเตรียมยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว หลังได้รับการติดต่อจากญาติของนางระมัย โดยได้เตรียมเงินสดจำนวน 150,000 บาท เพื่อวางเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องขอฝากขัง.