ต้องมั่นใจว่า เราสู้โควิดได้...อีกไม่นาน


เพิ่มเพื่อน    

           แม้ว่าเวลานี้หลายคนอาจจะวิตกกังวลกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอก 2 แต่เราก็ควรจะมีความมั่นใจว่าเราจะผ่านพ้นไปได้ เพราะเราเคยต่อสู้กับการแพร่ระบาดขนาดใหญ่มาแล้ว เมื่อครั้งที่มีการระบาดที่สนามมวยและกลุ่มคนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง ในครั้งนั้นพวกเราทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชน ยังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้กับการระบาดครั้งใหญ่ แต่เราก็ผ่านพ้นกันมาได้ เพราะรัฐบาลและฝ่ายปกครองใช้อำนาจในการบริหารตามคำแนะนำของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาได้อย่างเหมาะสม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับตั้งแต่อาจารย์หมอจนถึงเจ้าหน้าที่ อสม. ใช้ความรู้ ความสามารถ ทุ่มแรงกายแรงใจทำงานหนักกันอย่างเต็มที่ ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยอมที่จะไม่เดินทางกลับบ้านในช่วงสงกรานต์ที่รัฐบาลประกาศไม่ให้เป็นวันหยุด แล้วมาชดเชยให้แก่ประชาชนในวันหลัง ด้วยความร่วมมือดังกล่าว เราสามารถยับยั้งหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ จนถึงวันที่การติดเชื้อภายในประเทศเป็นศูนย์เป็นเวลาหลายเดือน

            แต่แล้วเราก็ต้องมาตกใจและไม่สบายใจกับการระบาดระลอกสอง เพราะความเห็นแก่ตัวของคนบางกลุ่มที่ไร้สำนึกจิตสาธารณะ ทำตามใจตนเอง โดยไม่สนใจว่าจะมีความเดือดร้อนอะไรเกิดขึ้นกับคนอื่นและประเทศชาติ ความเห็นแก่ตัวของคนที่สร้างปัญหาทั้งหลายเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คนไทยจำนวนหนึ่งประมาท การ์ดตก เพราะเห็นว่าประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมาหลายเดือนแล้ว คนเหล่านั้นคือ

            • คนที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านที่มีการระบาดของโรครุนแรง และต้องการกลับประเทศไทย แต่ไม่ต้องการที่จะบอกว่าไปประกอบอาชีพอะไร จึงไม่กล้าที่จะเข้ามาตามกระบวนการที่ทางการของประเทศไทยกำหนด ลอบเข้ามาในช่องทางธรรมชาติ ด้วยการช่วยเหลือของคนที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าพาเข้ามา และการรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ เมื่อเข้ามาแล้ว ยังไม่กักตัวเองอีกด้วย ยังพล่านไปนั่นไปนี่ จนมีคนติดเชื้อภายในประเทศเป็นจำนวนมาก

            • คนงานในประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมีการระบาดขนาดหนัก ต้องการที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย และไม่ต้องการผ่านกระบวนการคัดกรอง เพราะไม่มั่นใจว่าจะผ่านการคัดกรอง จึงต้องแอบหนีมาตามช่องทางธรรมชาติ แล้วก็มีนายหน้าที่เห็นแก่ตัว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เห็นแก่ตัว นายจ้างที่เห็นแก่ตัว ทำให้คนพวกนี้ (ซึ่งหลายคนติดเชื้อ) สามารถเข้ามาได้ และเมื่อไม่ผ่านการคัดกรองก็นำมาแพร่ติดคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายจ้าง คนที่ทำงานในตลาดเดียวกัน คนที่อยู่อาศัยใกล้กัน และคนที่ไปจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดที่คนพวกนี้ทำงาน

            • คนที่ไปเล่นการพนันที่เป็นการมั่วสุมของคนจำนวนมาก มีคนที่ไปเล่นติดเชื้อ ก็แพร่เชื้อให้แก่คนอื่นที่ไปเล่นพนันอยู่ที่เดียวกัน

            • คนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่กินเหล้าด้วยกัน เต้นรำด้วยกัน ร้องเพลงด้วยกัน ตะโกนคุยกันโดยไม่ใส่หน้ากาก ไม่มีการรักษาระยะห่าง

            • สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ตรงที่คนที่ติดเชื้อนั้น บางคนก็รู้ตัว บางคนก็ไม่รู้ตัว แต่คนเหล่านี้หลายคนไม่คิดที่จะกักตัว ในทางตรงกันข้าม พวกนี้ตามใจตัวเอง อยากทำอะไรที่เป็นความสุข เป็นความสนุกสนานของตัวเองก็ทำเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยว ไปสถานบันเทิง ไปซื้อของ ไปดูหนัง ไปกินอาหาร ดูจาก Timeline ให้บอกกับหมอเมื่อรู้ว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว รู้สึกวิตกกังวลมาก และไม่เข้าใจว่าเมื่อตัวเองไปยังสถานที่เสี่ยงมา ทำไมไม่คิดที่จะกักตัวเองอยู่บ้าน สังเกตอาการ 14 วัน ถ้าหากทุกคนมีสำนึกของจิตสาธารณะ ไม่ทำอะไรตามใจตนเอง คิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่นและประเทศชาติ จำนวนคนที่ติดเชื้อ จำนวนจังหวัดที่เป็นสีแดง สีส้ม ที่จะต้องควบคุมอย่างเข้มข้นน่าจะมีน้อยกว่านี้ และเราน่าจะมีจังหวัดที่ติดเชื้อน้อยกว่านี้

            คนที่ทำผิดกฎหมายการควบคุมโรค เป็นเสมือนคนจุดไฟ คนที่หนีเข้ามาตามช่องธรรมชาติ คนไปเล่นพนัน และคนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง เหมือนดุ้นฟืนที่คนทำผิดกฎหมายใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดกองไฟ คนที่ไปสัมผัสเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นดุ้นฟืน และคนที่ไปยังบริเวณที่มีการแพร่ระบาด แล้วไปโน่นไปนี้เหมือนสะเก็ดไฟที่กระเด็นไปไกล คนแก่ คนที่มีโรคประจำตัวที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เปรียบเหมือนใบไม้แห้ง หรือผ้าชุบน้ำมันที่ติดไฟได้ง่ายเมื่อโดนสะเก็ดไฟ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ เรามีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเดือนเดียวมากกว่า 5,000 คน มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งปี 2563 ที่มีเพียงกว่า 4,000 เท่านั้น รัฐบาลโดนด่า นายกรัฐมนตรีโดนด่า เจ้าหน้าที่ของรัฐโดนด่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องทำงานหนัก ประชาชนมีความกังวล ต้องมีการออกมาตรการที่เข้มมากกว่าเดิมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

            เราควรที่จะ “ตระหนัก” แต่เราไม่ควร “ตระหนก” และเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาตั้งหน้าตั้งตา “แซะ แขวะ ด่า” ด้วยเหตุผลทางการเมือง มันเป็นเวลาที่พวกเราต้องเรียนรู้ว่าเราควรจะทำอะไรที่จะช่วยให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้ เราจะต้องเรียนรู้ความจริง เรียนรู้มาตรการในการปฏิบัติตน และถ้าเป็นไปได้เราควรที่จะแนะนำคนอื่นให้เกิดความรู้และความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะต้องผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน เมื่อต้นปี 2563 พวกเราทุกฝ่ายยังขาดประสบการณ์ เรายังผ่านพ้นมาได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เราหลายๆ ฝ่ายต่างก็มีประสบการณ์กันมาแล้วทั้งนั้น ถ้าหากเราร่วมมือกัน ทำตามคำแนะนำของหมอ ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางการประกาศ เราน่าจะเอาชนะการระบาดระลอกสองนี้ได้ไม่เกินสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 เมื่อผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท การ์ดต้องไม่ตก คำว่า “new normal” ที่พวกเราพูดกันตอนกลางปี 2563 หายไปไหนแล้ว คงต้องเอากลับมารณรงค์กันอีกครั้งหนึ่ง ให้เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้และการเติบโตจากประสบการณ์ของการต่อสู้กับโควิด-19.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"