8 ม.ค.64 - ที่สภ.ท่าแซะ พ.ต.อ.นวัชนันท์ ศิธราชู ผกก.สภ.ท่าแซะ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ พนัสนาชี สวป. ร.ต.อ.ไชยยุทธ์ จันทร์เพ็ง รอง สว.สส. ร.ต.อ.อนุรัตน์ ศรีมาลา รอง สวป. ควบคุมตัว นายศักดิ์หฤษฎ์ หรือนุ๊ก มาน้อย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 หมู่ 2 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มาสอบสวนดำเนินคดีหลังเมื่อช่วงเวลา 07.02 น.วันเดียวกัน ได้ก่อเหตุปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะนุ่งกางเกงขาสั้นลายพราง ไม่ใส่เสื้อ มีรอยสักเต็มแผ่นหลัง เดินถือมืดพร้าแบบมีด้ามและถังใส่น้ำมันบุกเข้าไปในมณฑป ข้างโบสถ์ ภายในวัดนาสร้าง ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แล้วใช้มีดพร้าทุบโลงแก้วจนแตกจากนั้นราดน้ำมันจุดไปเผาสรีระสังขารหลวงปู่เปียก เกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.ชุมพร ที่เก็บไว้ตั้งแต่มรณะภาพเมื่อปี พ.ศ.2505 สำหรับนายศักดิ์หฤษฎ์ มีอาการติดยาบ้าอย่างหนักจนหลอน เมื่อนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดพบปัสสาวะเป็นสีม่วง
จากการสอบสวน นายศักดิ์หฤษฎ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าช่วงเย็นวันที่ 7 ม.ค.64 ตนได้เสพยาบ้าเข้าไป 2 เม็ด จนกระทั่งตอนเช้ามืดก่อเหตุได้ฝันว่ามี หลวงพ่อแพงซึ่งได้สระสังขารนานแล้วมาเข้าฝันบอกให้ตนเองไปเผาสังขารของหลวงปู่เปียก ที่วัดนาสร้าง จากนั้นเมื่อตนตื่นมาตอนเช้าจึงขับรถจักรยานยนต์และนำเอามีดพร้าติดตัวมาด้วย ไปซื้อน้ำมันเบนซินจากร้านค้าในหมู่บ้าน จำนวน 1 ลิตร ราคา 35 บาท ใส่แกนลอน แล้วขับมุ่งหน้าไปที่วัดนาสร้าง
แล้วเดินเข้าไปในมณฑปใช้มีดพร้าทุบกระจกโลงแก้วที่เก็บสรีระสังขารหลวงปู่เปียกจนแตกแล้วราดน้ำมันเบนซินจุดไปเผา จากนั้นได้วิ่งออกมาเจอพระสงฆ์รูปหนึ่งเข้ามาขวางจึงกระโดนถีบและชกไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะวิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ไปอยู่บ้านพี่สาวในพื้นที่ตำบลทรัพย์อนันต์ กระทั้งตำรวจมาตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์, และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย
ต่อมาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน นายจารึก แก้วแสงอ่อน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ชุมพร ได้เดินทางไปขอเข้าพบ พระครูศรีสนคุณ เจ้าอาวาดวัดนาสร้าง เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่ยังคงทำความสะอาดเขม่าไฟและสรีระสังขารของหลวงปู่เปียกอยู่ภายในพระอุโบสถ โดยห้ามไม่บุคคลภายนอกและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เนื่องจากกลัวว่าจะมีการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมแล้วนำไปลงในสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่มีชาวบ้านจำนวนมากที่ทราบข่าวทยอยเดินทางกันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสาปแช่งคนร้ายที่บุกมาจุดไฟเผาสรีระสังขารหลงปู่เปียกที่เก็บไว้ในโลงแก้วนานหลายปีแล้ว
พระจรูญ อาสโภ พระลูกวัด กล่าวว่าอาตมาบวชอยู่ที่วัดนาสร้างนาน 10 ปีแล้ว ตอนเกิดเหตุกำลังกวาดเก็บขณะอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์และมณฑปเก็บสรีระสังขารหลวงปู่เปียก เห็นคนร้ายนุ่งกางเกงขาสั้นลายพราง ไม่ใส่เสื้อมีลายสักเต็มหลัง ถือมีดพร้าและแกนลอน จึงคิดว่าเป็นชาวสวนมากราบไหว้หลวงปู่เปียก ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก จากนั้นไม่นานเห็นลูกไฟติดพริบพุ่งออกมาจากมณฑป จึงวิ่งเข้าไปดูเห็นคนร้ายวิ่งสวนออกมาแล้วกระโดนถีบและชกต่อยอาตมา และวิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
พระจรูญ กล่าวว่า จากนั้นอาตมาได้เรียกพระลูกวัดมาช่วยกันนำน้ำมาดับไฟ ใช้เวลานานประมาณครึ่งชั่วโมงไฟจึงมอดสนิท ปรากฏว่าไฟได้ไหม้เพียงจีวรที่ห่อสรีระสังขารของหลวงปู่เปียกเท่านั้น ส่วนสังขารมีเพียงคราบดำๆจากเขม่าควันไฟจึงถือว่าโชคดีอย่างมาก
นายสมบูรณ์ แก้วเจริญ อายุ 75 ปี ไวยากรวัด กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจของชาวบ้านในพื้นที่และจังหวัดชุมพรอย่างมาก ซึ่งสังขารหลวงปู่เปียกได้เก็บไว้ในโลงแก้วมาตั้งแต่หลวงปู่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2505 เป็นเวลา 59 ปีแล้ว เป็นพระสายพุทธคุณ และพระนักปฏิบัติธรรม และเป็นช่างศิลป์ ซึ่งพระพุทธรูปปางต่างๆ หลักใบเสมา สธูป เจดีย์ ภายในวัดหลวงปูเปียกจะเป็นผู้สร้างและหล่อด้วยตนเองทั้งหมด เป็นเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเครพศรัทธาจำนวนมากนักสะสมพระเครื่องรุ่นต่าง ๆหาเก็บไว้บูชา โดยเฉพาะเหรียญรุ่นเสมาแสงอาทิตย์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2505 มีพุทธคุณล้ำเลิศ ปัจจุบันหามาบูชาไม่ได้อีกแล้วและมีราคาแพงมาก
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เปียก ที่คนร้ายบุกมาเผาสรีระสังขารของท่าน ไฟลุกไหม้นานครึ่งชั่วโมงกว่าจะช่วยกันดับสนิท แต่ไฟไหม้เพียงเฉพาะจีวรที่หุ้มสังขารจนหมดเกลี้ยง แต่สรีระสังขารไม่ได้รับความเสียหายยังคงอยู่สภาพเดิม หลังจากพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว จะต้องมาการจัดงานพิธีบำเพ็ญบุญครั้งใหญ่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ ต่อไป
สำหรับประวัติโดยย่อ พระครูอนุกูลกิจการ หลวงพ่อเปียก (เปียก ปทุโม) วัดนาสร้าง หลังจากท่านมารณภาพได้เพียง 7 วัน สังขารของท่านกลับแข็งราวกับเป็นหิน เมื่อปี พ.ศ.2505 และเก็บสรีระสังขารใส่โลงแก้วไว้จนถึงปัจจุบัน ท่านมีนามเดิมว่า เปียก ศิลป์สกลราษฎร์ เป็นบุตรของนายซิ่ง (บุตรชายของขุนสกุลบ้านรับร่อ )และนางยิ่ง (หลานของพระยาท่าแซะทุคะราช พี่ชายของพระยาชุมพร) หลวงปู่ท่านเกิดในตระกูลชั้นสูง เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8 ปี มะเส็ง พุทธศักราช 2435 ครั้ง เมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตานาเมือง ตำบลคุริง อำเภอท่าแซะ เพื่อให้ได้ศึกษาหนังสือไทย และพุทธศาสนา กับพระอาจารย์หนู ครั้งอายุล่วงได้ครบ 20 ปี จึงทำการอุปสมบทเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2455 ณ วัดนาสร้าง โดยมีพระครูวาทีธรรมรส วัดสุบรรณิมิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสิน เป็น พระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปทุโม"
หลวงพ่อเปียก ปทุโม "ท่านปั้นพระด้วยพระ เพื่อความเป็นพระ" หมายความว่า ท่านเป็นผู้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ เป็นพระอยู่แล้ว ท่านปั้นพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อเพิ่มความเป็นพระในใจท่านให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น วัดนาสร้างจึงมีศิลปกรรมอันควรแก่การทัศนา หลวงปู่เปียกมรณภาพเมื่อพุทธศักราช 2505 สิริรวมอายุ 70 ปี 50 พรรษา
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |