ขายหน้าไปทั่วโลก ม็อบหนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกยึดอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธ ขัดขวางการลงมติรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาขับไล่ มีคนโดนกระสุนดับ 4 ศพ รุมประณามทรัมป์ยุผู้สนับสนุนก่อการกบฏ สุดท้ายคองเกรสสามารถรับรอง "โจ ไบเดน" เป็นผู้นำสหรัฐคนใหม่ ทรัมป์ตั้งสติได้รับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุการณ์คุกคามระบอบประชาธิปไตยในชาติมหาอำนาจที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายพันคนพาอารมณ์โกรธแค้นภายหลังฟังคำปราศรัยปลุกระดมของทรัมป์ที่ด้านนอกทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ 6 มกราคม พากันยกขบวนไปยังอาคารรัฐสภาแล้วฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่จนสามารถบุกเข้าไปภายในอาคาร ห้องทำงานและห้องประชุมสภา
กลุ่มม็อบต้องการขัดขวางการลงมติของสมาชิกสภาคองเกรสเพื่อรับรองผลคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งจากมลรัฐต่างๆ ว่าโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต คือผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 306 ต่อ 232 คะแนน
"เราไม่มีทางยอมแพ้ เราไม่มีทางยอมรับ" ทรัมป์ปลุกเร้าฝูงชนซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่สวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้เคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภา
ภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายที่รัฐสภา ผู้สนับสนุนทรัมป์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ บางคนทำลายข้าวของ ทุบกระจกแตก และมีภาพที่ผู้สนับสนุนทรัมป์คนหนึ่งซึ่งสวมกางเกงยีนส์และหมวกเบสบอลนั่งเก้าอี้ของนางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาพรรคเดโมแครต และยกขาข้างหนึ่งพาดโต๊ะทำงานของนาง บนโต๊ะมีกระดาษข่มขู่วางทิ้งไว้ ขณะที่ผู้ก่อจลาจลคนอื่นๆ ปีนอัฒจันทร์ที่จัดตั้งไว้เพื่อรองรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของไบเดนวันที่ 20 มกราคม พร้อมกับป้ายข้อความว่า "พวกเราประชาชนจะทำให้ ดี.ซี.คุกเข่า / เรามีอำนาจ"
มีรายงานจากตำรวจว่า ระหว่างปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่อาคารรัฐสภาที่ใช้เวลานาน 4 ชั่วโมงนั้น พบหญิงคนหนึ่งซึ่งข่าวภายหลังระบุว่าเป็นทหารผ่านศึกจากแคลิฟอร์เนียที่เป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเหนียวแน่น โดนยิงเสียชีวิต และต่อมามีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าตายในสภาพการณ์ใด
เหตุการณ์วุ่นวายที่ถ่ายทอดไปทั่วโลกทำให้หลายฝ่ายประณามทรัมป์ว่ายั่วยุให้ก่อรัฐประหาร ว่าที่ประธานาธิบดีไบเดนประณามเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ว่าเป็น "การก่อการกบฏ" และเรียกร้องให้ทรัมป์แถลงต่อประชาชนทางโทรทัศน์ทันที เพื่อสั่งให้ผู้สนับสนุนหยุดการล้อมโจมตีอาคารรัฐสภา
"ประชาธิปไตยของเราโดนโจมตีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน" ไบเดนกล่าวจากรัฐเดลาแวร์ บ้านของเขา "ฉากแห่งความโกลาหลที่รัฐสภาไม่ได้สะท้อนความเป็นอเมริกาที่แท้จริง"
นักประวัติศาสตร์กล่าวกันว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปีที่อาคารรัฐสภาสหรัฐโดนบุกยึดนับแต่ปี พ.ศ.2357 เมื่ออังกฤษเผาอาคารหลังนี้ระหว่างสงครามปี 2355
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งบิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามา ต่างประณามการโจมตีระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐ "นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความเสื่อมเสียและความอัปยศของชาติของเรา" โอบามากล่าว ส่วนบุชบอกว่า "นี่คือความขัดแย้งผลการเลือกตั้งแบบที่จะเกิดในสาธารณรัฐกล้วยหอม ไม่ใช่สาธารณรัฐประชาธิปไตยของเรา"
ชาติพันธมิตรของสหรัฐต่างพากันตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของชาติมหาอำนาจแห่งนี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประณาม "ฉากที่น่าอัปยศ" ส่วนนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า นางทั้งโกรธและเศร้าใจกับเหตุการณ์ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา และโทษทรัมป์ว่ามีส่วนรับผิดชอบกับเหตุวุ่นวาย นางเสียใจอย่างยิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และอีกครั้งในวันนี้
คอนสแตนติน โคแซชคอฟ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ วุฒิสภารัสเซีย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานความเสื่อมถอยของอเมริกา เห็นได้ชัดว่าประชาธิปไตยของอเมริกากำลังขาเป๋ทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่รัสเซียหลายคนยังชี้ด้วยว่าสหรัฐไม่อยู่ในฐานะที่จะสอนประเทศอื่นเรื่องเสรีภาพและประชาธิปไตย
โกลบอลไทมส์ สื่อของทางการจีน เปรียบเทียบท่าทีของโลกตะวันตกต่อการบุกรัฐสภาสหรัฐกับการบุกสภานิติบัญญัติของผู้ประท้วงในฮ่องกง พร้อมกับนำถ้อยคำของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่เคยกล่าวถึงการประท้วงในฮ่องกง มาล้อว่า นี่คือ "ภาพอันสวยงาม" ขณะที่หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็ชี้เช่นกันว่าปฏิกิริยาของบางคนในสหรัฐ รวมถึงสื่อบางสำนักนั้น แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
หลายชั่วโมงหลังสถานการณ์สงบ สภาคองเกรสประชุมกันในวันพฤหัสบดี และลงมติรับรองผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดน คือผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเสียงข้างมากของทั้งสองสภาซึ่งรวมถึงสมาชิกรีพับลิกัน ปฏิเสธการยื่นคัดค้านของสมาชิกที่ภักดีต่อทรัมป์ที่ไม่ยอมรับผลคะแนนของรัฐแอริโซนาและเพนซิลเวเนียที่ไบเดนคือผู้ชนะ
จบขั้นตอนนี้แล้ว ไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ส่วนทรัมป์ หลังจากคองเกรสลงมติรับรองผลเลือกตั้ง เขาออกแถลงการณ์ทันที ให้คำมั่นว่าจะถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกับบอกว่าเขาจะทำการเมืองแนวหน้าต่อไป ทำให้คาดเดากันว่าเขาอาจลงสมัครอีกครั้งในปี 2568.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |