เห็นว่าขนาดระดับ แอล-เล หรือ แอลเอ มหานครลอสแองเจลิสอันกว้างขวาง ใหญ่โต หะรูหะรา ทั้งล้ำหน้า ทันสมัย จนใครๆ เคยคิดๆ ว่าแทบไม่ต่างไปจากมหานครแห่งเทวดา นางฟ้า ไปโน่นเลย แต่ไม่น่าเชื่อก็คงต้องเชื่อ...เพราะอย่างที่หน้าต่างประเทศของเว็บไซต์ ผู้จัดการ เขาหยิบเอามารายงานไว้วันวานนั่นแหละ ถึงขั้นต้องสั่งห้ามรถพยาบาลรับคนป่วยโควิด ที่ยังไงๆ คงต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง อยู่แล้วแน่ๆ!!!
----------------------------------------------------
คืออาจเพราะโรงพยาบาลมันล้น เตียงผู้ป่วยแทบไม่มีเหลืออะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุเพราะคนป่วย คนติดเชื้อ ไปจนถึงคนตายอันเนื่องมาจากท่านเชื้อโควิดในประเทศอเมริกาทุกวันนี้ ปาเข้าไปเป็นสิบๆ ล้าน ตายไปแล้วเป็นแสนๆ แล้วยังแถมพยายามทำลายสถิติ จ้าวโรค อย่างชนิดแทบไม่มีใครกล้าเบียด กล้าแซง เอาเลยแม้แต่น้อย บรรดาโรงพยาบาลต่างๆ เลยหนีไม่พ้นต้องตัดสินใจ ลอยแพ บรรดาผู้คน พลเมือง ที่คิดว่าแทบไม่เหลือทางรอดอยู่แล้วแน่ๆ แล้วเห็นว่า...แม้แต่การให้ ออกซิเจน ผู้ป่วย ยังต้องเข้มงวด กวดขัน ให้แต่เฉพาะผู้ที่กำลัง พะงาบๆ หรือผู้ที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำเอามากๆ ส่วนประเภทที่ยังพอหายใจทางปาก หรือทางเหงือก อาจต้องเสียสละ ต้องฮืดๆ ฮาดๆ ไปตามเรื่อง ตามราว...
------------------------------------------------------
นี่...ต้องเรียกว่า เอาเรื่อง ไปได้ถึงขั้นนั้น สำหรับท่านเชื้อโควิด ที่ออกฤทธิ์ ออกเดช มาแล้วเป็นปี แต่ก็ยังไม่คิดจะหยุด ไม่คิดจะไปไหนซักกะที แม้แต่อดีตประเทศอภิมหาจักรวรรดินิยม ที่เคยได้ชื่อ ฉายา ถึงขั้น จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่มีวันตกดิน เมื่อแค่ไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมานี่เอง อย่างอังกฤษ แต่มาถึงบัดนี้...เห็นว่าต้องล็อกดาวน์ทั่วประเทศกันอีกซะแร้นน์น์น์!!! ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด เพราะเบร็กส่ง เบร็กซิต อะไรก็เถอะ แต่เมื่อเจอเข้ากับผู้ติดเชื้อเป็นหมื่นๆ ภายในแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ท่านนายกฯ ผมกระเซิง เพื่อนซี้แหง ย่ำปึ่ก ของท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ บ้านเรา...ก็ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว ต้องงัดมาตรการคุมเข้ม ห้ามออกไปไหน ต่อไหน มาบังคับใช้กับบรรดาชาวผู้ดีอังกฤษ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
----------------------------------------------------------
ดังนั้น...เมื่อเทียบกับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ไม่ว่าคนติดเชื้อ คนตาย ยังเป็นอะไรที่ หีดหุ้ย ซะเหลือเกิน อย่างน้อย...ก็น่าจะถอนหายใจสั้นๆ ยาวๆ ได้มั่ง อย่าถึงกับต้องไปตกอก ตกใจ หูแหก ตาแหก จนเกินเหตุ เพราะเมื่อไหร่ที่ตกใจ ที่หูแหก ตาแหก ขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่าง...คงเป็นไปตามแบบฉบับสำนวน ลีลา ของอภิมหานักเขียนเรื่องสั้นเมืองไทย ท่านปรมาจารย์ มนัส จรรยงค์ นั่นแล คือ...เมื่อไหร่ที่ ความไร้สติ เข้ามาทางประตู ปัญญาและเหตุผล ย่อมมีแต่ต้องพรั่งพรูออกไปทางหน้าต่าง อะไรประมาณนั้น โดยเฉพาะความไร้สติที่นำอารมณ์-ความรู้สึก ประเภทโกรธ-เกลียด-เคียดแค้น-อาฆาต-พยาบาท-ริษยาและชิงชัง ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย...
------------------------------------------------------------
ตรงกันข้าม...การหันมาปรับตัว ปรับใจ และ ปรับทัศนคติ ให้มันเป็นไปในทางที่ดีๆ เอาไว้มั่ง น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ คือถึงจะเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน ต่อบ่อน ต่อซ่อง ต่อแรงงานเถื่อน ไปจนต่อรัฐบาลโน่นเลย แต่การไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ สาดสากกะเบือบินเข้าใส่ ภายใต้ฉากสถานการณ์เช่นนี้ มันคงไม่ได้ช่วยให้เกิดแก้ไข เยียวยา อะไรกันได้มากมาย กลับส่งผลให้อาการไร้สติ อาจวิวัฒนาการ หรือ กลายพันธุ์ ไปเป็น ความบ้า เอาง่ายๆ!!! ดังนั้น...แม้ว่าโลกแห่งความเป็นจริง มันคงไม่ใช่ โลกสวย ซักเท่าไหร่ แต่การปรับทัศนคติ หันมา มองโลกในแง่ดี เข้าไว้ อย่างน้อย...ก็พอช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาได้มั่ง ว่ายังไงๆ น่าจะยัง โชคดี ที่ได้เกิดมาในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ไม่ได้ไปเกิดที่อังกฤษ หรือที่อเมริกา เพราะเผลอๆ...อาจต้องตายโหง ตายห่า ไปนานแล้ว ไม่ก็อาจตายเพราะดันไม่ใส่หน้ากากไปร่วมประท้วงกับ ทรัมป์บ้า ที่ยังอุตส่าห์ดิ้นรน ทุรนทุราย ลุกขึ้นมา ชู 3 นิ้ว เลียนแบบพวกเด็กๆ บ้านเรา เพราะคิดว่าถูก ขโมยเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เป็นประชาธิปไตยแบบทั้งแท่ง ทั้งด้าม...
-----------------------------------------------------------
จำไม่ได้...ว่ากี่สิบปีที่แล้ว เคยได้ดูหนังฝรั่งยุคโบร่ำโบราณเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนชื่อว่า พอลลี แอนนา เด็กผู้หญิงกำพร้าตัวเล็กๆ ที่เป็นผู้คิดค้น เกมโชคดี ไว้ปรับทัศนคติของตัวเอง คือแม้อยากได้ ของขวัญ ประเภทตุ๊กตุ่น ตุ๊กตา ที่ผู้คนซึ่งยังมีความเมตตาเขาบริจาคให้กับเด็กกำพร้าในแต่ละปี แต่ไปๆ-มาๆ ตัวเองดันไปจับของขวัญได้เป็นไม้เท้า หรือไม้ค้ำยันสำหรับคนพิการไปซะนี่ แต่เพียงแค่ไม่กี่นาที หรือไม่กี่วินาทีเท่านั้น ที่ความไร้สตินำเอาความรู้สึก หงุดหงิด ฉุนเฉียว มายัดเยียดให้เธอขณะเปิดไปพบของขวัญในกล่อง แต่เพราะการประดิษฐ์ คิดค้น เกมโชคดี ไว้ในหัวจิตหัวใจอย่างสม่ำเสมอ เด็กกำพร้าตัวน้อยรายนี้กลับสรุปออกมาดังๆ ว่า อย่างน้อย...ต้องถือว่าตัวเองยังโชคดี ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ขวัญชิ้นนี้ อะไรทำนองนั้น...
--------------------------------------------------------------
คล้ายๆ ที่อดีต ผู้ว่าฯ หมูป่า ท่านพยายามออกมาปลอบอก ปลอบใจ ผู้ที่กำลังเกลียด โกรธ อาฆาตและพยาบาท ทั้งหลายนั่นแหละว่า ตอนพวกเด็กๆ หมูป่าติดอยู่ในถ้ำถึง 13 วัน ไม่มีอะไรจะทำ ไม่มีอะไรจะกิน ไปไหน-มาไหนไม่ได้เลย ต้องนอนแช่น้ำ ต้องระวังน้ำขึ้น-น้ำลง ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ยังรอดออกมาจนได้ ด้วย ขวัญ-กำลังใจ ของตัวเองและผู้คนทั่งทั้งประเทศ การมีสติ มีขวัญ-กำลังใจ หรือการ มองโลกในแง่ดี มันจึงไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ไม่ได้เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น ด้วยประการฉะนี้ เหมือนดังที่ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ท่านมีพระราชดำรัสสั้นๆ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถึงความสำคัญในการ มีทัศนคติที่ดี นั่นแล ว่ามีแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์สุขของปวงชนและของตัวพระองค์ ซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งอีกด้วยเช่นกัน...
-------------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “Ella Wheeler Willcox” (ถอดความโดยหลวงวิจิตรวาทการ)... “It is easy enough to be pleasant, When life flows like a song. But the man worth-while, Is the man who can smile. When everything goes dead wrong. – เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน/ เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์/ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน/ ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา...”
-------------------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |