7 ม.ค.64 - เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีการขอใบอนุญาตเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็นพิเศษว่า การเข้าออกพื้นที่เข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ที่ต้องแสดงหลักฐานการได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่ภูมิลำเนา ต้องขอโทษประชาชนที่สื่อสารทำให้เข้าใจผิด ทำให้ประชาชนไปที่อำเภอและศาลากลางจังหวัด แต่ประชาชนสามารถไปขอใบเอกสารรับรองการเดินทางได้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่อำเภอ หรือที่จังหวัด เพื่อความสะดวก ส่วนจังหวัดอื่นๆ เช่น 49 จังหวัดขึ้นอยู่กับจังหวัด และคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม

นายอนุชา ยังชี้แจงเพิ่มเติมกรณี ศบค. แถลงให้ประชาชนใช้แอพพลิเคชัน “หมอชนะ” หากไม่มีจะมีความผิด ว่า หากประชาชนมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็ขอความร่วมมือดาวน์โหลดแเอพพลิเคชันดังกล่าว แต่หากไม่สะดวกในการติดตั้งแอพพลิเคชัน “หมอชนะ” สามารถใช้การบันทึก หรือแผนการเดินทางให้กับด่านหรือจุดตรวจได้ แต่หากพบว่ามีการปิดบังข้อมูลโดยเจตนา ที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็จะถือว่ามีความผิด ทั้งนี้ ถ้ามีสมาร์ทโฟนแล้วไม่ให้ความร่วมมือ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสอบถามมากขึ้น ก็ต้องเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย

โฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า ส่วนการเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 นั้น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 อย่างเหมาะสม โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่า ภาครัฐมีแหล่งเงิน ทั้งส่วนงบประมาณปี 2564 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น และรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยขณะนี้ มีเงินคงเหลือ 1.39 แสนล้านบาท และเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ.2563 เหลืออีก 4.7 แสนล้านบาท และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2564 อีก 2.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ยืนยันว่า มีงบประมาณในการที่จะเยียวยาประชาชนอย่างเพียงพอ