กกร.หั่นจีดีพีปี 64 โตเหลือ 1.5-3.5% เหตุเจอพิษโควิดรอบใหม่ บี้รัฐเร่งใช้งบ 2 แสนล้านกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ต่ออายุโครงการคนละครึ่งเพิ่มเป็น 5 พันบาท ลดค่าไฟ 5%
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร.ว่า ที่ประชุมมีความเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มว่าจะช้ากว่าที่คาดไว้เดิม รวมถึงปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ที่ประชุม กกร.จึงคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ของปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ 1.5%-3.5% ลดลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ 2.0-4.0%
ทั้งนี้ หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน เช่นเดียวกับประมาณการการส่งออกในปี 2564 ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3.0% ถึง 5.0% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 4.0-6.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.0% ลดลงจากเดิมเล็กน้อยจาก 0.8-1.2%
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหยุดชะงัก การท่องเที่ยวในประเทศซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตลอดครึ่งหลังของปี 2563 ไม่สามารถเดินต่อได้ชั่วคราว หลังจากมีมาตรการเข้มงวดจำกัดการเดินทางในหลายจังหวัดที่มีประชากรมากหรือเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวในประเทศ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน และยังส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน สำหรับกิจกรรมการผลิตในภาคอุตสาหกรรม จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากประเทศสำคัญ ๆ อย่างจีนและไต้หวันยังควบคุมการระบาดได้ดี ทั้งนี้ ภาคการส่งออกในช่วงต้นปี 2564 อยู่ภายใต้ข้อจำกัดจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออก รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า” นายกลินท์ระบุ
ประธาน กกร.กล่าวว่า ที่ประชุมยังต้องการให้ภาครัฐควรเร่งหามาตรการควบคุมโรคระบาด และช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ประการแรก ต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดและบังคับใช้มาตรการต่างๆ ที่ประกาศออกมาอย่างเคร่งครัด ควรจะโฟกัสแม่นยำ ตรงจุด ถึงต้นตอการแพร่กระจาย ทั้งนี้ขอให้ควบคุมดูแลที่อยู่ของคนงานต่างด้าวให้เหมาะสมเพื่อระงับการแพร่ระบาด และเร่งจับผู้กระทำผิดทั้งบ่อนการพนันและการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าของประเทศว่าปัญหาการแพร่ระบาดส่วนใหญ่มาจากคนสู่คน ไม่ใช่จากอาหารหรือสินค้าสู่คน
ประการที่สอง ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเรื่องงบประมาณช่วยเหลือ 200,000 ล้านบาท โดยให้กำหนดวิธีการให้ชัดเจน ปฏิบัติได้เร็ว และให้ส่งผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ โดยอาจเป็นการต่ออายุโครงการคนละครึ่ง และเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายต่อบุคคลเป็น 5,000 บาท มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลดค่าไฟ 5% รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
ประการที่สาม เร่งรัดเรื่องวัคซีนให้สามารถได้มาตามกำหนดเวลาและมีปริมาณที่เพียงพอ รวมถึงกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการกระจาย การขนส่ง และฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดลำดับผู้ที่ได้รับวัคซีนก่อนหลังอย่างเหมาะสม และประการที่สี่ เร่งรัดการใช้และการเจรจาการค้าทวิภาคี รวมถึงการให้สัตยาบันลงนามข้อตกลง RCEP ในการประชุมรัฐสภา เพื่อให้ข้อตกลงที่ลงนามไปเมื่อเดือน พ.ย.63 มีผลบังคับใช้กลางปีนี้ เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแรงส่งเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |