อังกฤษเริ่มการล็อกดาวน์ประเทศรอบที่ 3 ในวันพุธถึงกลางเดือนหน้าเป็นอย่างน้อย หวังควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ในอังกฤษที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้รัฐบาลจะเริ่มฉีดวัคซีนของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาที่เชื่อว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมแล้วก็ตาม

    นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ว่ารัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วอังกฤษ เนื่องจากไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในอังกฤษกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก จนเสี่ยงที่จะเกินศักยภาพการรองรับของระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ภายใน 21 วัน

    "โดยที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ภายใต้มาตรการรุนแรงที่สุดอยู่แล้ว แต่ชัดเจนว่าเราจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมโดยร่วมมือกัน เพื่อควบคุมไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ให้ได้ ในขณะที่วัคซีนของเราถูกนำออกมาใช้" จอห์นสันแถลงทางโทรทัศน์ "ดังนั้น เราจึงต้องเข้าสู่การล็อกดาวน์ประเทศ ที่แข็งแรงมากพอที่จะควบคุมไวรัสกลายพันธุ์นี้ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลกำลังสั่งให้พวกคุณอยู่บ้านกันอีกครั้ง"

    รายงานของรอยเตอร์กล่าวว่า เฉพาะในอังกฤษ ไม่รวมสกอตแลนด์, เวลส์และไอร์แลนด์เหนือ มีผู้ป่วยโควิดกำลังรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 27,000 คน ซึ่งมากกว่าช่วงสูงสุดครั้งแรกของการแพร่เชื้อในเดือนเมษายนถึง 40%

    โรงเรียนและสถาบันอุดมศึกษาทั่วอังกฤษเริ่มปิดการเรียนการสอนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันอังคาร ก่อนที่มาตรการล็อกดาวน์จะเริ่มมีผลในวันพุธ และจะบังคับใช้อย่างน้อยถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นหากสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายลงเป็นลำดับ

    เอเอฟพีกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบที่ 3 นี้จะคล้ายคลึงกับมาตรการที่บังคับใช้รอบแรกระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนปีที่ผ่านมา คือการปิดโรงเรียน แต่ยกเว้นให้สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงสูงและลูกหลานของผู้ที่ปฏิบัติงานสำคัญ และห้ามประชาชนออกนอกบ้าน ยกเว้นเพื่อการออกกำลังกายและซื้อของใช้จำเป็น โดยขอให้ทำงานจากบ้าน เว้นแต่ไม่สามารถทำได้ การจัดกีฬาทั้งกลางแจ้งและในร่มต้องยกเลิก ยกเว้นนักกีฬาชั้นนำ

    จอห์นสันตัดสินใจใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดครั้งใหม่ถึงแม้ว่าอังกฤษจะเป็นประเทศแรกในโลกที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาเมื่อวันจันทร์ ที่อาจจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วโลก ในช่วงยามที่โครงการฉีดวัคซีนของสหรัฐและยุโรปกำลังสะดุด

    วัคซีนที่ผลิตโดยอังกฤษชนิดนี้เก็บได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นาที่ต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำมาก ซึ่งทำให้การขนส่งมีข้อจำกัด นอกจากนี้ ด้วยราคาที่ถูกกว่ายังทำให้ประเทศที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้นด้วย

    เมื่อวันจันทร์ เม็กซิโกเป็นอีกประเทศต่อจากอินเดียที่อนุมัติการใช้งานวัคซีนออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาเป็นกรณีฉุกเฉิน

    นับแต่ไวรัสนี้เริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตภายใน 28 วันนับแต่ตรวจพบการติดเชื้อแล้วมากกว่า 75,000 คน ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เพิ่มขึ้นพรวดพราดเพราะไวรัสกลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อติดต่อกันได้ง่ายขึ้น โดยวันจันทร์มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 58,784 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสหราชอาณาจักรในวันอังคารเพิ่มเป็น 2.72 ล้านคน ขณะที่ยอดรวมทั่วโลกมีมากกว่า 85.76 ล้านคน.