5 ม.ค.64 - ที่จังหวัดตราด 15.30 น.นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยอธิบดีควบคุมโรค  ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมทางไกลกับ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชี้แจงเหตุผลและสั่งข้อราชการตามที่ทางกระทรวงได้เสนอให้ควบคุมสูงสุดและเข้าข้น ในพื้นที่ 5 จังหวัด

นายสาธิต กล่าวว่ากระทรวงและตนได้มีความเห็นตรงกันในเรื่องการควบคุมสูงสุดชนิดเข้มข้นใน 5 จังหวัดนั้น ก็สืบเนื่องมาจาก 5 จังหวัดมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวนมาก และได้กระจายไปยังจังหวัดต่างๆในประเทศกว่า 55 จังหวัดแล้ว หากไม่ดำเนินการมาตรการที่เข้มข้นโดยเร็วอาจจะไม่สามารถควบคุมได้ โดยจ.สมุทรสาครที่เป็นต้นตอแรกเกิดจากแรงงานต่างด้าว และแพร่ระบาดออกไปทั้งประเทศ อีกส่วนเกิดจากบ่อนพนันในจ.ระยอง ชลบุรีและจ.จันทบุรีรวมทั้งจ.ตราด ซึ่งกระจายไปทั่วประเทศเช่นกัน ดังนั้นตนเองจึงเสนอให้ใช้มาตรการที่เข้มงวดมากกว่าพื้นที่ควบคุมสูงสุด ส่วนใครจะเรียกว่าล็อคดาวน์หรือเรียกอย่างไรนั้นก็แล้วแต่ ซึ่งต้องการทีทจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดให้หมดไปโดยเร็ว

จากนั้น นายสาธิต ได้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานสถานการณ์ในแต่ละจังหวัดเพื่อรับทราบสถานการณ์หลังจากการที่ทางกรมควบคุมโรคได้รายงานและวิเคราะห์สถานการณืการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 ให้ที่ประชุมส่วนราชการทั้ง 4 จังหวัดรับทราบ

โดยนายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดกล่าวว่า หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด จ.ตราดได้ตั้งด่านในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ใน 3จุด คือ จุดตรวจบ้านท่าจอด ต.แสนตุ้ง ,จุดตรวจที่บ้านนาแกลง ต.ประณีต ในอำเภอเขาสมิง และจุดตรวบ้านคลองลึก ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ โดยทั้ง 7 อำเภอ ของจ.ตราด มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 25 ราย อยู่ในอำเภอเมือง 15 ราย อ.เขาสมิง 7 รายมและอ.บ่อไร่ 3 ราย ทั้งนี้หลังจากการเกิดการแพร่ระบาดจ.ตรราดได้ดำเนินการตรวจเชื้อผู้เสี่ยงจำนวน 750 คน โดยการทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก และการแสดงตัว ปรรากฏว่า ในจำนวน 750 คน เกี่ยวข้องกับบ่อนพนันในจ.ระยอง 23 คน และบ่อนพนันที่แสนตุ้งจำนวน 426 คน และไม่พบเชื้อ และวันนี้รอผลจากการตรวจอีก 157 ราย ส่วนการเตรียมโรงพยาบาลสนามนั้น ได้เตรียมไว้ที่อบจ.ตราดจำนวน 50 เตียง และที่ศูนย์ราชการุณย์ เขาล้าน ต.แหลมกลัดอีก 250 เตียง

จากนั้น นายสาธิต ได้กล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนในเรื่องไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อที่ไม่ระบุสถานที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนที่ไม่ทราบเกิดความเสี่ยง ดังนั้น จึงของให้สาธารณสุขแต่ละจังหวัดได้ทำไทม์ไลน์ที่ชัดเจนและระบุสถานที่ไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยง แต่เมื่อสามารถทำให้เกิดความปลอดภัยแล้วขอให้แจ้งและรับรองสถานะว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งจะทำให้ประชาชนใกล้เคียงเกิดความปลอดภัยและสามารถระมัดระวังตัวเองได้ นอกจากนี้ การตั้งโรงพยาบาลสนามในแต่ละจังหวัดต้องชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดกระแสต่อต้านเหมือนที่ผ่านมา.