วัคซีน 'ปราบโควิดได้จริงหรือ?'


เพิ่มเพื่อน    

    ช่วงนี้.......
    นายกฯ ดูจะสะโหล-สะเหล ผมเห็นในจอโทรทัศน์แล้วต้องบอกว่า
    อุ่นใจ!
    เพราะเรา..ชาวบ้าน ได้ผู้นำประเทศที่หัวใจอยู่กับสุข-ทุกข์ประชาชน คร่ำเครียดบริหารปัญหาโควิดจนผอมหัวโต
    ก็คุ้มครับ
    ในเมื่อหัวโตผู้นำแลกกับหัวชาวบ้านเมื่อถึงหมอนก็หลับผล็อย ด้วยหมดกังวล ว่าเมื่อไหร่จะได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
    นายกฯ ให้คำมั่นแล้ว เมื่อวาน (๔ ธ.ค.๖๔)
    วัคซีนป้องกันโควิด จัดหาพร้อมแล้ว สำหรับฉีดให้คนไทยทุกคน "ฟรี"
    ล็อตแรก ๒ ล้านโดส ภายใน ๓ เดือน นับจากนี้ ราวๆ มีนา มาถึงไทยปุ๊บ-ฉีดปั๊บ ไล่ไปตามความจำเป็นก่อน-หลัง
    อีก ๒๖ ล้านโดส จะทยอยตามมาเป็นระยะ และจะเพิ่มเติมอีก ๓๕  ล้านโดส 
    นั่นหมายความว่า ภายในปีนี้ ได้แขนเป็นรูกันทุกคน!
    แสดงว่า รัฐบาลขวนขวาย-ดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัคซีน "ตามมาตรฐาน" มาสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน
    ไม่ต้องขอบคุณรัฐบาลก็ได้ แค่ลด "สรรประเด็นด่า" ด้วยอิจฉา-ริษยา ลงบ้างก็พอ!
    ช่วงนี้ ถึงยังไม่มีวัคซีน ก็ใช่ว่าจะต้องติดโควิด เพียงเราเพิ่มความรับผิดชอบกับตัวเองและผู้อื่นขึ้นอีกซักนิด โควิดก็ห่างหายจากตัวเรา
    ถึงมีวัคซีนก็ใช่ว่าจะรอด......
    ในความเห็นผม วัคซีนที่ผลิตออกใช้ช่วงนี้ ผมให้ค่าเป็น "วัคซีนทางจิตวิทยา" มากกว่า "ประสิทธิผล" ทางป้องกัน
    คือ มีออกใช้ ดีกว่าไม่มี เพราะอย่างน้อย ใช้เป็นที่พึ่ง-ที่หวังทางใจ ดีกว่าโหวงเหวงกลางทะเล ชนิดมองไม่เห็นฝั่ง
    ก็สังเกตดูซี สหรัฐฯ ฉีดแล้ว อังกฤษฉีดแล้ว 
    ผลเป็นไง?
    ป่วย-ตายโครมๆ วันละหลายๆ แสนเหมือนเดิม อย่างสหรัฐฯ เห็นข่าว วันเดียวป่วยกว่า ๕ แสน!
    จีนก็ฉีด ปรากฏว่า ไม่ค่อยได้ยินข่าวโควิดระบาดในจีนเหมือนก่อนๆ ประหนึ่งว่า วัคซีนจีนมีประสิทธิผล
    ก็ไหนพูดกันว่า วัคซีนค่ายตะวันตกคุณภาพดีกว่า ของจีนไม่น่าเชื่อถือไงล่ะ?
    ผมก็มาคิดทบทวน ไม่น่าจะใช่ทั้ง ๒ ด้าน คือวัคซีนตะวันตก-วัคซีนจีน "ค่าไม่ต่างกันนัก"
    ที่สหรัฐฯ-อังกฤษ ฉีดแล้วยังป่วยครึ่ด ก็ไม่แปลก เพราะทราบกันมิใช่หรือ "วัคซีน" ที่คิดค้นได้ตอนนี้ เรียกว่า "วัคซีนฉุกเฉิน" จะถูกต้องกว่า คือใช้ได้ผลระดับ ๖๐-๗๐% เท่านั้น
    คนตะวันตก โง่แล้วหยิ่ง......
    จนวันนี้ บางส่วนยังปักใจ "โควิดนิทานหลอกเด็ก" ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย ยังกิน-เที่ยว-ดื่ม-สังสรรค์-มั่วสุม เหมือนเดิม
    รัฐบาลให้สวมแมสก์ ก็อ้างสิทธิเสรีภาพ ต่อต้าน!
    จึงป่วย-จึงตายกันแบบสมน้ำหน้า ถ้าไม่มีวินัย ไม่ป้องกันตัวเองบ้าง ต่อให้มี "วัคซีนเทวดา" ก็ป้องกันไม่ได้
    ส่วนจีน ในวิถีคนตะวันออก......
    ที่การระบาดลด และเมื่อมีวัคซีนฉีด ยิ่งแทบไม่ปรากฏข่าวคนป่วย-คนตาย มันเป็นอานิสงส์จากวัคซีนคุ้มกัน "ส่วนหนึ่ง" เท่านั้น
    ที่ได้ผล ๘๐-๙๐% เพราะคนตะวันออกไม่ใช้ความโง่แล้วหยิ่งวิเคราะห์ หากแต่ใช้สติปัญญาวิเคราะห์ 
    จึงทราบว่า โควิด เกิดขึ้นจริง มีอยู่จริง ก็ป้องกัน และมีความรับผิดชอบกับตัวเองและสังคมค่อนข้างเคร่งครัด!
    การเชื่อฟัง "มาตรการรัฐ" และไปไหน-มาไหน สวมแมสก์ตลอดเวลา การไม่บ้าคลั่งเสรีภาพเกินกรอบ บวกการฉีดวัคซีนและเคร่งครัดมาตรการรัฐ
    จีนจึง (ดูเหมือน) เป็นประเทศปลอดโควิดขณะนี้!
    ทีนี้ เราก็มองทั้งค่ายซันเซตและค่ายตะวันบูรพาเชิงประยุกต์ดูบ้าง สิ่งหนึ่งที่โดดเด่น-เห็นชัด คือ
    การรับมือโควิดที่ได้ผล.......
    -วัคซีน มีน้ำหนัก ๖๐-๗๐%
    -หน้ากากอนามัยและเอื้อเฟื้อมาตรการรัฐ มีน้ำหนัก  ๘๐-๑๐๐%
    ฉะนั้น ทุรชน คน ๓ นิ้ว และสาธุชน คน ๕ นิ้ว ก็ตรองเอาละกัน เพื่อตัวเอง-เพื่อครอบครัว-เพื่อคนรอบข้าง และเพื่อสังคมชาติ
    จะโง่แล้วหยิ่ง ไม่ยอมสวมหน้ากาก ด้วยอ้างเสรีภาพแบบตะวันตกมั่วสุมต่อ
    หรือจะแปลงโง่เป็นปัญญาวิเคราะห์ ยอมสวมหน้ากาก เชื่อฟังมาตรการรัฐ เยี่ยงอารยชนแบบตะวันออก?
    พูดถึงด้านนี้.......
    วันนี้ชม "นายกฯ ประยุทธ์" ท่านแสดงให้เห็นชัดถึงวุฒิภาวะผู้นำในภาวะฉุกเฉินได้ดี นอกจากตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบทันทีแล้ว
    ในการตัดสินใจนั้น ไม่ใช่ด้วยอำนาจ หากแต่ด้วย "ฟังเสียงสังคม" ยึดส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
    กทม.ประกาศตอนเที่ยง......
    ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราเป็นต้นไป ให้นั่งรับประทานอาหารตามร้านได้จาก ๖ โมงเช้า ถึงตอน ๑ ทุ่ม เท่านั้น เพื่อป้องกันโควิดลุกลาม
    ยุ่งละซี หวังดี กทม.ขัดความเป็นจริงทางวิถีสังคมคนเมือง ทั้งกระทบธุรกิจกระจายเป็นวงกว้างหลายด้าน โดยเฉพาะร้านกิน-ร้านดื่ม 
    ไม่ได้หมายถึงประเภทแอลกอฮอล์นะ โปรดเข้าใจตรงนี้ กันแถไปสร้างวาทะถกเถียง
    ตกบ่าย นายกฯ สดับตรับฟังเสียงสะท้อนสังคมเชิงว่า เป็นประกาศที่ปฏิบัติไม่ได้
     ก็ประกาศผ่อนคลาย ให้นั่งกินอาหารตามร้านได้จนถึง  ๓ ทุ่ม!
    เห็นด้วยครับ ก็คิดดูซี คนเมืองที่กลับจากงานไปกินข้าวเย็นที่บ้าน มีซักเท่าไหร่ จะกินตามร้านก็ไม่ทัน เพราะเดี๋ยวก็จะทุ่ม
    จะต้องซื้อกลับไปกินที่บ้าน หอบอาหารขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟฟ้า ถึงบ้าน ๑ ทุ่ม-๒ ทุ่ม จะหิวโซให้กินข้าวตอน ๓ ทุ่มที่บ้านกันงั้นหรือ?
    ท่านนายกฯ ยืดเวลานั่งกินตามร้านไปถึง ๓ ทุ่ม สมเหตุ-สมผลแล้วครับ คนเมืองก็ได้ ร้านค้า-ร้านขายก็พอได้ 
    โควิดถ้ามันจะติด จะก่อน ๑ ทุ่มหรือหลัง ๑ ทุ่ม มันก็ติดได้ทั้งนั้น กทม.ตรวจตราให้เคร่งครัดในมาตรการ จะได้ผลกว่าใช้อำนาจ "สักแต่ว่าสั่ง"
    นี่...ไม่ได้ว่านะ แค่พูดให้ฟัง!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"