'จับกัง1'ช่วยผู้ประกันตน ลดเงินสมทบนาน3เดือน


เพิ่มเพื่อน    


    รมว.แรงงานเผยมาตรการเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ลดเงินสมทบเหลือร้อยละ 3 มาตรา 39  ลดลงเหลือ 278 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. แบ่งเบาภาระทุกฝ่ายได้ถึง 15,660 ล้านบาท
    เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวเรื่องมาตรการเยียวยาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้คณะกรรมการควบคุมโรคแต่ละจังหวัดมีมาตรการควบคุมของตนเอง ซึ่งแต่ละจังหวัดมีคำสั่งในการหยุดกิจการบางกิจการ มีการกักตัวผู้ใช้แรงงานที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ทำให้มีการหยุดงาน ซึ่งมีผลกระทบทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี เล็งเห็นถึงความสำคัญและผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่หยุดกิจการและขาดรายได้  กระทรวงแรงงานได้รับนโยบายจากรัฐบาล ในเรื่องมาตรการการเยียวยาผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
    1.มาตรการปรับลดเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 กระทรวงแรงงาน  โดยสำนักงานประกันสังคมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2563 ส่งผลให้มีการปรับลดเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เหลือร้อยละ 3 และผู้ประกันตนตามมาตรา  39 ลดลงเหลือ 278 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564) เพื่อช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้าง และผู้ประกันตน 
    1.1 การเตรียมความพร้อมระบบรองรับการรับชำระเงินสมทบในการจ่ายเงินสมทบอัตราใหม่ตั้งแต่วันที่ 1  มกราคม 2564 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้จัดเตรียมระบบรองรับการรับชำระงินสมทบอัตราใหม่เรียบร้อย นายจ้าง ผู้ประกันตนสามารถชำระเงินสมทบอัตราใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แล้ว
     สำหรับผู้ประกันตน มาตรา 33 นายจ้างสามารถชำระเงินสมทบผ่านช่องทาง ดังนี้ 1) เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย และธนาคารธนชาต 2) การจ่ายเงินสมทบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ e-Payment นายจ้างสามารถชำระเงินสมทบผ่านระบบของธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารซิตี้แบงค์ เอ็น.เอ ธนาคารมิซูโฮ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิงคอร์ปอเรชัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส (ด้วยบัตรเดบิต/เครดิต มาสเตอร์การ์ด) และธนาคารทหารไทย (ช่องทาง  NSW) และสำนักงานประกันสังคมทุกพื้นที่
    ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 ตั้งแต่วันนี้สามารถชำระเงินสมทบอัตราใหม่ผ่านช่องทาง ดังนี้
    1) ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ใช้บริการหักบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงเทพนั้น ทุกหน่วยบริการพร้อมให้บริการหักบัญชีอัตโนมัติในรอบตัดบัญชีวันที่ 15  กุมภาพันธ์ 2564
     2) ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ใช้บริการเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต เคาน์เตอร์เซอร์วิส  เคาน์เตอร์บิ๊กซี เคาน์เตอร์เซ็นเพย์ เคาน์เตอร์ไปรษณีย์  พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ส่วนเคาน์เตอร์เทสโก้ โลตัสจะเริ่มให้บริการในวันที่ 7 มกราคม 2564 เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะเริ่มให้บริการในวันที่ 15 มกราคม 2564 เคาน์เตอร์ธนาคารธนชาตจะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
แบ่งเบาภาระ 15,660 ล้าน
    ทั้งนี้ นายจ้างและผู้ประกันตนยังสามารถชำระเงินสมทบได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกพื้นที่ 
    1.2 ประโยชน์ที่จะเกิดแก่นายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน คาดการณ์ว่าการลดอัตราเงินสมทบเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564) เพื่อช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้างและผู้ประกันตนในการจ่ายเงินสมทบลดลงรวมจำนวน 15,660 ล้านบาท สมตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ รวมไปถึงนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลบริการและสิทธิประโยชน์ของวัยแรงงานทุกกลุ่มทุกวัย
     2.มาตรการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่และมีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น จนรัฐบาลได้มีคำสั่งปิดสถานที่ซึ่งป็นสถานประกอบกิจการหลายประเภท ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการประกอบกิจการที่ถูกสั่งปิดกิจการชั่วคราว ซึ่งในการนี้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ออกกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ.2563 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563
     2.1 สิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างผู้ประกันตนจะได้รับ ผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธิต้องเป็นลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีเงินสมทบครบ 6 เดือนใน 15 เดือน แต่ไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค หรือไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากทางราชการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น
    ลูกจ้างดังกล่าวมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันโดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่มีการกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค หรือมีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวแล้วแต่กรณี แต่รวมกันไม่เกิน 90 วัน 2.2 การเตรียมความพร้อมระบบรองรับการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ช่องทางการขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากเหตุโควิด- 19 ในครั้งนี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม  กำหนดให้นายจ้างและลูกจ้างซึ่งเป็นสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบดำเนินการขอรับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ดังนี้
ครั้งก่อนเยียวยา 9.4 แสนราย 
    1.ลูกจ้างผู้ประกันตนมีหน้าที่กรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7 สามารถ download แบบได้ที่ www.sso.go.th) แล้วนำส่งให้นายจ้าง ขอเน้นย้ำเรื่องเบอร์โทรศัพท์ติดต่อและเลขบัญชีธนาคารที่ถูกต้อง
    2.นายจ้างมีหน้าที่ดำเนินการยื่นขอรับสิทธิว่างงานในระบบ e-Service ดังนี้
    2.1 บันทึกข้อมูลในระบบ e-Service บน www.sso.go.th โดยต้องบันทึกข้อมูลลูกจ้างตามแบบ  สปส.2-01/7 และหนังสือรับรองการหยุดงานกรณีราชการสั่งปิด/กรณีกักตัว
    2.2 รวบรวมแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7) ของลูกจ้าง ที่ได้บันทึกแล้วในระบบ e-Serice บน  www.sso.go.th เสร็จสิ้นตามข้อ 2.1 นำส่ง (ทาง ปณ.ตอบรับ) ไปยังสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่บันทึกเสร็จสิ้น ตามข้อ 2.1
    3.การขอรับสิทธิประโยชน์ว่างงานจากเหตุโควิด-19  นายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตนต้องดำเนินการตามข้อ 1  และข้อ 2 และขอย้ำว่าลูกจ้างผู้ประกันตนไม่ต้องเดินทางมายังสำนักงานประกันสังคม และหากดำเนินการดังที่กล่าวครบถ้วน เงินจะโอนเข้าบัญชีภายใน 5 วันทำการ และรอบตัดจ่ายกำหนดทุกสิ้นเดือนถัดไป หรือจนกว่าจะครบวันที่สถานประกอบการมีกำหนดปิด 
    ส่วนการเฝ้าระวังสถานการณ์ กระทรวงแรงงานได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบภาวะวิกฤติโควิด-19 ทุกด้าน เพื่อหาแนวทางกำหนดมาตรการแก้ไขให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาล เพื่อเร่งเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้าง และผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไรรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ให้มากที่สุด
    นายสุชาติกล่าวว่า เราลัดขั้นตอนให้เร็วขึ้นโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ฉะนั้นผู้ประกันตนจะได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุด นอกจากการเยียวยาที่เร็วขึ้นแล้วยังช่วยหยุดการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากลูกจ้างและนายจ้างไม่ต้องเดินทางมายื่นเรื่องด้วยตนเอง กองทุนว่างงานของสำนักงานประกันสังคมยังมีสถานะค่อนข้างมั่นคงอยู่ที่  110,000 ล้านบาท ซึ่งครั้งที่แล้วจ่ายเยียวยา 9.4 แสนราย  ใช้เงินไป 15,000 ล้านบาทแล้ว
     รมว.แรงงานกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวที่เตรียมเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่พลเอกประยุทธ์ประกาศกวาดล้างแรงงานต่างด้าวนั้น ข้อมูลทั้งหมดของกระทรวงแรงงานจะถูกส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"