ไทยป่วยโควิดพุ่งอีก 745 ราย ตายเพิ่มอีก 1 ราย ศบค.เบรก 28 จว.พื้นที่สีแดงจัดงานวันเด็ก  ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 30-45 วัน "หมอทวีศิลป์" แนะดึงสติ ป่วยกายแต่อย่าป่วยใจ  
    เมื่อวันที่ 4 มกราคม เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 745 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 152 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 577 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 16 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,439  ราย หายป่วยแล้ว 4,352 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสมเป็น 65 ราย 
    โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่ เป็นชายไทย อายุ 56 ปี อาชีพรับจ้าง ภูมิลำเนา กทม. มีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง  เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง จ.สมุทรปราการและเขตคลองเตย กทม. วันที่  28 ธ.ค.เข้ารับการรักษาแผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลใน กทม. มีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ รับประทานอาหารไม่ได้  วันที่ 30 ธ.ค.มีอาการเหนื่อยมากขึ้น มีไข้ 38.5 องศาเซลเซียส ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำลงเหลือ 85  เปอร์เซ็นต์ ผลเอกซเรย์พบว่ามีอาการปอดอักเสบและหัวใจล้มเหลว จึงส่งตรวจในวันที่ 1 ม.ค.พบติดเชื้อโควิด  และวันที่ 2 ม.ค.มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น ใส่เครื่องช่วยหายใจ และวันที่ 3 ม.ค.อาการแย่ลง ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 85,502,232 ราย รักษาหายแล้ว  60,452,918 ราย และเสียชีวิตรวม 1,850,607 ราย 
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ในวันเดียวกันนี้มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ พบผู้ป่วย 1 ราย รวมเป็น 54 จังหวัด โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถือเป็นพื้นที่สีเหลือง แต่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดใน 28  จังหวัด ขณะพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัดก็ต้องให้ความร่วมมือ เพราะถือว่ามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอยู่ติดกับจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสูดทำให้เกิดการกระจายเชื้อได้ง่าย  ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ติดเชื้อต้องปรับตัวและเฝ้าระวัง 
    เมื่อถามว่า ตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร 505 ราย ทำไมถึงมากขึ้นทั้งที่มีการตรวจเชิงรุกอยู่ตลอด นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สมมุติฐานที่เกิดขึ้นจากการสอบสวนโรคกลุ่มก้อนแรงงานต่างด้าวในหอพักมีความแอดอัด ซึ่งเรายังคงให้อยู่ที่ตรงนั้นไม่ได้พาออกมา เนื่องจากมีจำนวนค่อนข้างมาก จึงใช้วิธีการจัดการด้วยการตรวจเป็นระยะ โดยกระทรวงสาธารณสุขและจังหวัดมีการวางแผนวิธีการสุ่มตรวจเป็นระยะ และต้องนำเรียนว่าตัวเลขที่ออกมาไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากจำนวนคนที่อาศัยมาก มีความแอดอัด และอยู่ในระยะเวลาติดเชื้อ ถ้าหาเจอแล้วก็ยังต้องเจออีก ซึ่งคล้ายกับกรณีที่ จ.ภูเก็ตในการระบาดรอบแรก ที่ใช้วิธีการปูพรมค้นหา แยกคนติดเชื้อออกจากคนที่ไม่ติดเชื้อ แต่ตัวเลขตอนแรกจะสูงและจะค่อยๆ ลดลง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพูดคุยกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรากังวลว่าผู้ติดเชื้อเหมือนสะเก็ดไฟที่กระจายไปพื้นที่อื่นในช่วงที่มีการเดินทางก่อนหน้านี้ และไปถึง 54 จังหวัดแล้ว ซึ่งต้นทางไม่ใช่แค่แรงงานต่างด้าวอย่างเดียว ยังไปถึงบ่อนที่มีการลักลอบเล่นการพนัน ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กับปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการว่า ต้องตะครุบตัวคุมคนที่อยู่ตามสะเก็ดไฟให้ได้โดยเร็ว แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีอาชีพเสี่ยง ไปในสถานที่เสี่ยง โดยการตรวจไม่มีค่าใช้จ่าย 
    เมื่อถามว่า การจัดงานวันเด็กยังคงจัดได้ตามปกติหรือไม่และมีมาตรการอย่างไร นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ใน 28  จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดห้ามจัดงานวันเด็ก ส่วนสีส้มและสีเหลืองก็ต้องขอความร่วมมือ เพราะบรรยากาศแบบนี้ไม่ควรจัดดีที่สุด เพราะลูกหลานอยู่ในพื้นที่แออัด  สัมผัสหยิบจับเครื่องเล่น จึงขอความร่วมมืองดไปก่อน เรายังมีวันจัดงานรื่นเริงได้อีกหลายวัน 
    ซักว่าที่ประชุม ศบค.ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการขยายประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะหมดในวันที่ 15 ม.ค.นี้ หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีอยู่ในวาระการประชุมนี้ด้วย  ปกติมีการพิจารณาขยายออกไป 1 เดือน แต่รอบนี้อาจจะเป็น 45 วันเพื่อให้ครบรอบในเดือน ก.พ. โดยมติจะเกิดขึ้นในที่ประชุม ศบค.บ่ายวันเดียวกันนี้ ส่วนมาตรการที่วางไว้  2 ขั้นจะทำให้ขั้นที่ 1 ไปสู่ขั้นที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในอนาคตถ้ามีชุดข้อมูลเพิ่มเติมจะขอนำเรียนในวันที่ 5 ม.ค.นี้ 
    เมื่อถามอีกว่า ทำไมเราจึงเริ่มใช้มาตรการเข้มข้นหลังปีใหม่ เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ  นพ.ทวีศิลป์ชี้แจงว่า การประกาศมาตรการต่างๆ ขึ้นอยู่กับชุดข้อมูล เพื่อมาพิจารณาอย่างรอบคอบและนำสั่งการ จะเร็วจะช้าต้องมีชุดข้อมูลเป็นหลัก แต่ครั้งนี้เราใช้ประสบการณ์ 1 ปีที่ผ่านมากับสถานการณ์ปัจจุบัน พูดถึงผลกระทบอย่างกว้างขวางจะเกิดอะไรนั้น เราต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งรอบแรกเราทำได้ดี รอบนี้จะสำเร็จหรือมีอุปสรรคก็ขึ้นอยู่กับ 3 ส่วนนี้  อย่างไรก็ตามเราจะเห็นภาพความร่วมมือกันมากขึ้น 
    "ผมในฐานะจิตแพทย์ ขอเรียนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับภัยพิบัติ วิกฤติทั้งจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์จะเกิดผลกระทบด้านจิตใจ และตอนนี้ปฏิกิริยาที่มีคือการตกใจกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ถึงขนาดตื่นตระหนก และยิ่งเป็นวิกฤติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ก็จะมีความโกรธเข้ามา เพราะมีการมั่วสุมละเมิด จึงเกิดแรงโกรธในสังคม ในภาพจิตวิทยาสังคมเราเห็นในต่างประเทศมีความโกลาหล ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ละเมิดข้อห้ามต่างๆ ทำให้มีการติดเชื้อมากขึ้น แต่โชคดีที่ปีที่แล้วคนไทยไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ ถ้าตอนนี้เรามีสติเข้าใจสถานการณ์ เราจะประคับประคองสถานการณ์ไปได้ ป่วยกายแล้วอย่าป่วยใจ เราจะผ่านโรคนี้ไปด้วยกัน"
    มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุม ศบค.ที่ประชุมใช้เวลาหารือนานประมาณ 2 ชั่วโมง  และเห็นชอบให้ขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.นี้ออกไปอีก 45 วัน หรือประมาณสิ้นเดือน ก.พ. เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ก่อนที่จะเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป.