ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง สำหรับอดีตนักร้องดัง แพท พาวเวอร์แพท หรือ วรยศ บุญทองนุ่ม ที่ถูกต้องโทษจำคุย 50 ปี ในคดีมียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำเจ้าตัวได้ประพฤติดี ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครับจนได้เป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม และได้รับการลดโทษมาเรื่อยๆ
ซึ่งวันนี้ ( 4 มค 64) หนุ่มแพทก็พ้นโทษ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังจากถูกจำคุกมาเป็นเวลา 16 ปี 6 เดือน โดยแพทเปิดใจว่าหลังจากนี้จะขอบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ และจะกลับมาลุยงานเพลงอีกครั้ง
“ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและก็รู้สึกสำนึกในพระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมากเลยนะครับ ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ ในครั้งนี้ ซึ่งท่านทรงเห็นความสำคัญของผู้ต้องราชทัณฑ์ว่าเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านไม่แพ้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมทราบซึ้งใจมากนะครับที่ท่านทรงได้ให้โอกาส ให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้กลับตัวเป็นคนดี ให้โอกาสได้กลับไปดูแลครอบครัว ให้โอกาสให้ไปพัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม สร้างคุณประโยชน์ให้สังคมต่อไป ผมรู้สึกทราบซึ้งมาก และจะรักษาโอกาสที่ได้รับครั้งนี้ไว้เทียบเท่าชีวิต
โอกาสไม่ได้มีบ่อย เพราะฉะนั้นผมจะมุ่งมั่นทำแต่ความดี แล้วก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะทำแต่สิ่งที่ดี รวมถึงจะช่วยป้องกัน รณรงค์เรื่องยาเสพติดด้วย แล้วก็จะไม่ทำผิดกฎหมาย ผมเองได้ทำการปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และผู้แทนพระองค์ในวันนี้ก่อนออกมาแล้ว ว่าผมจะไม่ทำผิดกฎหมายอีกต่อไป ผมอาจจะเคยมีส่วนที่ทำร้ายสังคมนะเมื่อในอดีต ถึงเวลาผมได้โอกาสต่อไปผมจะชดให้ต่อสังคม มันเป็นช่วงโอกาสที่ผมจะชดใช้ให้กับสังคมแล้วก็ครอบครัวด้วยนะครับ กลับไปดูแลครอบครัว
(คิดไหมว่าจะได้พ้นโทษเร็วกว่ากำหนด) ไม่คิดเลย เพราะว่าจากที่ผมคำนวณช่วงที่ผมอยู่ข้างใน คิดว่าอย่าน้อยต้องมีอีก 2 ปี คือไม่เคยมีประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ผมอยู่ในเรือนจำมาว่าจะมีพระราชทานอภัยโทษติดๆ กันถี่ขนาดนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือว่าพระองค์มีพระเมตตาให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์อย่างสูงเลยครับ
(วินาทีแรกที่ได้เจอครอบครัว) มันพูดยากครับ มันมีหลายความรู้สึกมาก มันเหมือนวันที่เราฝันตลอด เกือบ 17 ปี เราฝันถึงวันนี้มาตลอด แต่สิ่งที่เราฝันมันอาจจะไม่ตรงกับภาพที่เราเห็นร้อยเปอร์เซน แต่ความรู้สึกมันใกล้เคียงมาก แล้วก็ดีใจ หลายๆ คนที่มารอรับ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณพ่อคุณแม่เองหรือแม้กระทั่งพี่เท็ดดี้ หรือทางพี่ๆ เพื่อนๆ ยังรู้สึกว่าทุกคนอ้าแขนรับเรา อุบอุ่นมากวันนี้ แล้วก็ตื้นตันใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ น่าจะเป็นวันที่ผมจะจดจำไปจวบจนวันตายก็ว่าได้
(เมื่อคืนนอนหลับไหม) จริงๆ ผมหลับๆ ตื่นๆ มาตั้งแต่รู้ว่ามีพระราชทานอภัยโทษแล้ว แต่ว่าช่วงหลังๆ มา 14-15 วันหลังมาผมได้เข้าอบรมโครงการโคกหนองนา ซึ่งเป็นโครงการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านทรงพระราชทานให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ เป็นหนึ่งในการอบรมผู้ต้องขังก่อนปล่อยพ้นโทษ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการนำหลักสูตรโคกหนองนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้แก่ผู้ต้องขัง เกี่ยวกับเรื่องทำเกษตรทฤษฏีใหม่ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เกี่ยวกับการดำรงชีวิตอยู่ด้วยตนเองกับการเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็ก ซึ่งได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ และได้ลงพื้นที่จริง ตั้งแต่การขุดหนอง ทำโคก ทำนา ทุกอย่างได้ลงมือเองหมดกับเพื่อนพี่น้องที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกประมาณ 200 กว่าคน
(วินาทีที่ก้มกราบพ่อแม่) ตอนเจอก็พูดไม่ออก คือก่อนหน้านี้ผมตั้งใจไว้ว่าจะกราบเท้าขอโทษท่าน แต่ตอนที่อยู่ข้างในผมไม่เคยทำเลยนะ ในชีวิตไม่เคยทำ ผมก็คิดว่าจะกล้าทำไหม ผมคิดในใจนะ แล้วยิ่งมีสื่อมาจับจ้องผมจะกล้าทำไหม แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมไม่คิดเลยพี่ เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด อยากขอโทษท่านด้วยที่มีส่วนทำให้ครอบครัวลำบากในช่วงเวลา 16-17 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่รู้นะว่าทุกๆ คนในครอบครัวเขาไม่ได้รู้สึกลำบากกับการมาดูแลเราในนี้เลย แต่เราเป็นลูกชาย แล้วก็เป็นลูกชายคนเดียว มันใช่เรื่องเหรอที่โตอายุขนาดนี้แล้วยังให้ท่านมาดูแลอยู่ พ่อกับแม่เขาบอกว่าไม่ต้องร้องไห้ กลับมาอยู่ด้วยกัน
(แม่แอบมีน้ำตา) คุณแม่ท่านเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อตอนผมเข้าไปในเรือนจำ มีเรื่องใหม่ๆ ช่วงปีสองปีแรกแกไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาได้เลยสักครั้งเดียว จนพ่อต้องคอยเบรกว่าเดียวแพทเขาจะไม่สบายใจนะเวลามาเยี่ยม เขาก็พยายามไม่ร้อง ซึ่งเขาก็ทำได้ดีนะ ช่วงหลายปีมาเขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลามาเยี่ยมก็คุยแต่เรื่องดีๆ กัน (วันนี้แพทร้องไห้เอง) ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่วันนี้มันเป็นวันที่ผมรอคอยมาตลอดเวลา มันเป็นวันที่เหมือนได้เกิดใหม่ แล้วก็ยิ่งได้รู้ว่าสังคม เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน พร้อมที่จะอ้าแขนรับ มันรู้สึกเกินคาดที่เราคิดไว้
(จากนี้วางอนาคตตัวเองยังไง) ผมว่าผมต้องวางแผนชีวิตอีกเยอะ มากๆ เลย เพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาจนถึงวันนี้เกือบ 17 ปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ผมจะต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลแล้วก็ค่อยๆ ศึกษาการใช้ชีวิตในปัจจุบันไป เรื่องการปรับตัวผมไม่กังวลเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวทางคุณพ่อพี่ๆ น้องๆ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ผมแน่นอน เท่าที่ทราบมาจากพี่สาวหรือคนรอบข้างเขาบอกว่าการใช้ชีวิตใจสังคมปัจจุบันต้องระวังหลายอย่างมาก ผมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ต้องเชื่อฟังเขา หลังจากเป็นเด็กดื้อมานาน
กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมว่าทุกอย่างมันมีทั้งสองด้าน ถ้าผมไม่เข้าไปอยู่ในเรือนจำผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้มั้ง เพราะว่าผมใช้ชีวิตเสี่ยงมากนะครับเมื่อตอนช่วงวัยรุ่น คือใช้ชีวิตไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้เลย พอมาอยู่นี้มันเลยเหมือนความโชคดีบนความโชคร้าย ผมว่ามันมีคุณค่าต่อชีวิตผมมาก ถ้าลงในรายละเอียดลึกๆ ว่าผมได้อะไรคงต้องคุยกันยาวมากเดี๋ยวไว้โอกาสหน้าถ้าผมพร้อม ผมเริ่มปรับตัวกับสังคมได้แล้ว ผมพร้อมที่จะมานั่งสัมภาษณ์กับแบบยาวๆ ลงลึกในรายละเอียด ผมค่อยนัดพี่ๆ มาคุยกันใหม่ดีกว่า
(แฟนๆ อยากเห็นกลับมาร้องเพลง) เรื่องเพลงมันเป็นชีวิตของผมอยู่แล้ว ผมอยู่ข้างในผมเขียนเพลงไว้เยอะมาก แล้วผมก็รอโอกาสที่จะมาพรีเซนต์ให้กับทุกๆ คนฟังด้วย แล้วก็เรื่องการพัฒนาดนตรีที่ผมรักคือทำอยู่ตลอดเวลา มีการวางแผนทำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งงานเพลงได้ฟังแน่นอน แล้วได้มีการคุยกับเปรม มือเบสของพาวเวอร์แพทคร่าวๆ ตอนที่เขามาเยี่ยม รวมถึงเมื่อกี้นี้ด้วย คือมีโอกาสอย่างมากที่จะกลับมารวมตัวกันแล้วทำเพลงใหม่ แต่มันอาจจะไม่ใช่เป้าหมายแรกที่จะทำ อันนี้ต้องคิดแล้วก็วางแผนก่อน แต่เป้าหมายแรกจริงๆ ที่ผมตั้งใจไว้ผมจะบวชให้แม่ แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันครับ”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |