"บิ๊กป้อม" โว ครม.นอกสถานที่ จ.บุรีรัมย์ประสบความสำเร็จ ชาวอีสานต้อนรับนายกฯ ดี ไม่ห่วง "บิ๊กตู่" คบ "เนวิน" ขณะที่ "นิพิฏฐ์" เหน็บนายกฯ กำลังรวบรวมนักการเมืองเพื่อปฏิรูป ปท. ดักทางคิวต่อไปกลุ่มสระแก้ว ด้าน "เสนาะ" อ้างคุยกับ "ไพศาล" เรื่องปฏิรูปเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติขจัดขัดแย้ง "ประวิตร" ข้องใจม็อบนัดบุกทำเนียบฯ อยากเลือกตั้ง พ.ย. รอ 2-3 เดือนก็ชัดเจน สั่งตรวจสอบการเมืองหนุนหลัง "เดอะแจ็ค" ป้องนักศึกษา ชี้เป็นพลังหนุ่มสาวทวงสัญญานายกฯ "จ่านิว" หวั่นฝ่ายความมั่นคงใช้ความรุนแรงจัดม็อบชนม็อบ
เมื่อวันพุธ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุม ครม.นอกสถานที่ที่ จ.บุรีรัมย์และสุรินทร์ เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จ ซึ่งชาวอีสานก็ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีดี นายกฯ ก็บอกแล้วว่าต้อนรับที่ไหนก็ไปที่นั่น
ผู้สื่อข่าวถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทุ่มงบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทให้ จ.บุรีรัมย์และพื้นที่อีสานใต้ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า เป็นการอนุมัติหลักพันล้านบาท ที่สามารถให้ได้ทันที ส่วนงบ 14,000 ล้านบาท แค่รับหลักการเท่านั้น ตามกรอบวงเงินพัฒนาพื้นที่ในระยะ 4-5 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลได้จัดทำขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการหาเสียงของนายกฯ ก่อนพรรคอื่นๆ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นายกฯ ก็ลงพื้นที่อย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะไป โดยไปตรวจเยี่ยมประชาชนทุกพื้นที่ทุกจังหวัดในประเทศไทย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไปตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปหาเสียงหรือหาอะไรเลย
ส่วนกรณีความเป็นห่วงนายกฯ หลังไปพบนายเนวิน ชิดชอบ ที่มีประวัติว่าอยู่กับใครหัวหน้าตายหมดนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอก ก็นายเนวินเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ต้องมาต้อนรับ เท่านั้นเอง ซึ่งยังไม่ได้มีอะไรเลย ส่วนการมาต้อนรับของนายเนวินจะส่งผลต่อการสร้างความปรองดองและการเลือกตั้งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นอยู่แล้วในเดือน ก.พ.2562 ถ้าไม่ปีหน้าแล้วจะปีไหน
"ไม่มีหรอก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปเรื่องการเมือง ไปห่วงโดยที่ไม่รู้แล้วจะไปห่วงอะไร คนจะมองก็มองไป เรื่องจริงเป็นอย่างไรไม่รู้เลย" พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่เป็นห่วงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปจับมือกับนายเนวิน
ด้านนายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครม.สัญจรบุรีรัมย์ที่ผ่านมาว่า การดูดหรือดึงอดีต ส.ส.นั้นไม่กระทบกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน และยังคงมองว่าการแข่งขันในพื้นที่อีสานส่วนใหญ่จะยังคงเป็นการขับเคี่ยวกันของเพื่อไทยและประชาธิปัตย์เหมือนเดิม เชื่อว่าเรื่องของนโยบายจะเป็นตัวตัดสินมากกว่าตัวบุคคลที่มีการดึงตัวไป
"มีคาดหวังจะเกิดการปฏิรูปหลังยึดอำนาจเมื่อ 22 พ.ค.2557 แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4 ปี ก็รู้สึกผิดหวังกับผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่สามารถปฏิรูปเรื่องใดให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม จับต้องได้อย่างชัดเจนเลย และกำลังปล่อยให้เป็นการปฏิรูปเกิดหลังเลือกตั้งอีกครั้ง" นายอิสสระกล่าว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านนายกรัฐมนตรี กำลังรวบรวมนักการเมืองเพื่อร่วมกันปฏิรูปประเทศ เช่น กลุ่มชลบุรี, กลุ่มบุรีรัมย์, กลุ่มนครปฐม ต่อไปก็น่าจะกลุ่มสระแก้ว
จากนั้น นายนิพิฏฐ์เปิดเผยว่า ที่โพสต์ว่า ครม.น่าจะไป จ.สระแก้ว สถานีต่อไป เพราะว่าเห็นนายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กนั่งดื่มกาแฟกับนายเสนาะ เทียนทอง อดีต รมว.มหาดไทย และแกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น และพูดทำนองว่า นายเสนาะคงจะร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ ที่เราเห็นอยู่ขณะนี้เป็นการหาเสียงหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ถ้าในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบบปกติ ในวาระการเป็นรัฐบาลช่วงท้ายๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป เขาห้ามหาเสียง ห้ามอนุมัติงบประมาณที่เป็นงบผูกพันระยะยาว และห้ามหาเสียงในช่วงระหว่างนี้ แต่เราอยู่ในระบบไม่ปกติ จึงเห็นได้ว่ามีการอนุมัติงบใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งสวนทางกับกติกาในระบบปกติ รวมถึงมีย้ายข้าราชการหลายภาคส่วนมากมายด้วย ก็ไม่รู้หมายความว่าอย่างไร
"เสนาะ"แจงคุยเรื่องปฏิรูป
ขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า นายไพศาลได้มารดน้ำขอพรช่วงสงกรานต์ และได้พูดคุยถึงการปฏิรูปประเทศ โดยตนบอกไปว่าเราควรจะหันหน้าเข้าหากันเพื่อขจัดความขัดแย้งทั้งหมดไม่ให้มีเงื่อนไขเกิดขึ้น หันมาร่วมกันขจัดปัญหาคอร์รัปชันด้วย การมีรัฐบาลแห่งชาติโดยมีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อเป็นเช่นนี้จะได้ร่วมกันปฏิรูปประเทศ ปรับเปลี่ยนกติกากันเสียใหม่ ตกลงพร้อมใจกันเพื่อให้ประเทศอยู่ยืดยาว จะวิธีการใดก็เสนอกันมา จะได้ไม่ต้องมาปฏิวัติกันอีก และไม่ต้องมาทะเลาะกันอีก บ้านเมืองจะได้สงบสุข ประชาชนจะได้ทำมาหากิน ถึงตอนนั้นใครทำไม่ดีประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง เราคุยกันถึงแนวทางการปฏิรูป ไม่มีพูดเรื่องการดูดอะไรทั้งสิ้น มีแต่เรื่องสร้างสรรค์
ขณะที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคอีสาน กล่าวว่า ในเขตอีสานใต้ คือ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ 4 จังหวัดนี้รวมกันเรียกว่านครชัยบุรินทร์ โดยทราบว่ามีเสนอโครงการของบประมาณจากการประชุม ครม.ครั้งนี้ 22 โครงการ งบประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่เฉพาะ จ.บุรีรัมย์จังหวัดเดียวเสนอไป 10,000 ล้านบาท โดยมีคนบอกกับประชาชนที่มารอรับว่าให้อดทน แม้จะร้อนก็เพื่องบประมาณ 10,000 ล้านบาท ทำให้ประชาชนทั่วไปทราบว่าเป็นวาระพิเศษหรือไม่ ทุกจังหวัดก็จ้องมองดูการบริหารของนายกฯ ซึ่งเห็นว่าการที่นายกฯ มีความคิดที่จะช่วยอีสาน ก็รู้สึกยินดีมาก เพราะถ้ามีเงิน 20,000 ล้านลงไป 4 จังหวัดนี้ ก็จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นหลังจากโครงการทำเสร็จ
"อยากจะให้นายกฯ ดูแลทุกจังหวัดในอีสานเท่าเทียมกันด้วย แม้จังหวัดอื่นจะไม่มี 3 หมื่นคนมาต้อนรับก็ตาม จังหวัดในภูมิภาคอีสานทั้งหมด 20 จังหวัด ก็อยากให้บริหารงบประมาณช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ ที่มีโครงการเสนอมาเช่นกัน ต้องดูแลอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ไม่ลืมทุกจังหวัดในประเทศไทยด้วย" คุณหญิงกัลยาระบุ
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้กรณีคุณหญิงกัลยาและนายอิสสระ สมชัย ระบุทำนองว่าพรรคภูมิใจไทยจูบปากทหารและเกณฑ์คนมาต้อนรับนายกฯ ว่า นับว่าเป็นการเสียมารยาทมาก เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แต่กลับมีการออกมาแสดงความเห็นวิจารณ์คนอื่นและกระทบกับพรรคการเมืองอื่น เป็นการไม่เห็นเกียรติกัน ไม่บังควร คนบุรีรัมย์เป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีอันดี ครม.มาประชุมกันก็ยินดี เต็มใจมาต้อนรับโดยไม่ต้องกะเกณฑ์กันมา การกล่าวเช่นนั้นเสมือนเป็นการดูถูกดูแคลนคนบุรีรัมย์ เป็นนักการเมืองแต่พูดจาดูถูกประชาชน เป็นการกระทำผิดที่รุนแรงมาก ยืนยันว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแสดงจุดยืนแน่วแน่มาตลอดว่าอยู่บนแนวทางประชาธิปไตย และปฏิเสธแนวทางอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่คุณหญิงกัลยาระบุเหตุการณ์ที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ในทำนองว่า ในปี 2557 ทหารได้เข้าไปค้นสนามช้างอารีนา แล้วผ่านไป 3 ปีกลับมาจูบปากกัน
ล่าสุด ทีมงานของนายเนวินได้ส่งคลิปวิดีโอเหตุการณ์วันเด็กเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2561 ที่นายเนวินได้จัดงานวันเด็ก และจำลองเหตุการณ์ให้ทหารพร้อมอาวุธครบมือบุกยึดสนามช้างอารีนา พร้อมแปลงสนามฟุตบอลเป็นลานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อให้เด็กได้ชม และคืนความสุขให้ชาวบุรีรัมย์ โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดนายเนวินระบุว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวที่เคยนำเสนอไปช่วงวันเด็กที่ผ่านมา เป็นเหตุให้คุณหญิงกัลยาเข้าใจผิด ก่อนมาให้สัมภาษณ์ว่าทหารเคยเข้าสนามช้างอารีนาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตามที่คุณหญิงกัลยากล่าวหาแต่อย่างใด
เชื่อจัดฉากรับนายกฯ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สติ ครม.ว่า ห้ามความคิดใครไม่ได้ ไม่ต้องไปพิรี้พิไรชี้แจง แต่ให้ตั้งใจทำงานว่า เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดเช่นนี้ เพราะการไป จ.บุรีรัมย์ครั้งนี้ของรัฐบาล มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องการเมือง การมีคนมารอต้อนรับพูดเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนกันทั้งสนาม ถ้าไม่จัดฉากคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และการลงทุนขี่มอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจคนที่มารอต้อนรับ แล้วจะทำไปเพื่ออะไร ถูกต้องที่จะไม่ชี้แจง เพราะเสียงวิจารณ์ที่ออกมามันเป็นเรื่องจริง ชี้แจงไปก็จะมีแต่ข้ออ้างข้างๆ คูๆ เข้าตัวเองเปล่าๆ สู้เอาเวลาที่เหลือเร่งทำงานเก็บเนื้อเก็บตัวรอการเลือกตั้ง ดีกว่ามาตอบโต้เรื่องการเมือง
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุการที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่มีความผิดในวันที่ทำ แต่อาจมีความผิดในวันข้างหน้าว่า ไม่เข้าใจว่านายวิษณุหมายความว่าอะไร ถ้าไม่ผิดวันนี้ วันข้างหน้าก็ไม่น่าจะผิด เพราะเนื้อหาของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พอสรุปได้ว่าห้ามไม่ให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคครอบงำพรรคจนขาดอิสระ วันนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ การไปทานอาหารกันไม่ใช่การครอบงำทางการเมือง นายทักษิณเคยพูดมาตลอดว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการของพรรคเพื่อไทย ที่อดีต ส.ส.ไปพบเป็นไปตามประเพณีไทย เมื่อผู้ใหญ่ที่เคารพมาใกล้ประเทศก็เดินทางไปเยี่ยมเยียนด้วยความรักที่มีต่อกัน การแสดงความรักไม่ใช่ความผิดทางอาญา และการไปพบไม่ได้หมายความว่าต้องถูกครอบงำ ไม่อยากให้รัฐบาลกังวลใจเรื่องนี้ อยากให้มีสมาธิในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนดีกว่า
นายไผ่ ลิกค์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายวิษณุเช่นกันว่า อยากถามว่าความผิดในวันข้างหน้าคือความผิดอย่างไร ถ้าวันนี้บอกว่าเป็นการครอบงำหรืออะไรต่างๆ นานา ตนมองว่าไม่ใช่การครอบงำ เพราะเราพบไปด้วยความคิดถึง นายทักษิณ ถือเป็นผู้ใหญ่ที่เรารักและเคารพ ขณะที่ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้พูดอะไร หลังการโพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะมีกฎหมายห้ามประชุมพรรคกันอยู่ ถ้าไปแล้วไม่โพสต์ภาพ แบบนั้นน่าจะไม่บริสุทธิ์ใจกว่าหรือไม่ ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ของรัฐบาลมีความกังวลมากเกินไป
สำหรับกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเตรียมชุมนุมใหญ่ 22 พ.ค.นี้ โดยจะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นห่วง แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงต้องการให้เลือกตั้งในเดือน พ.ย.นี้ รอไปอีก 2-3 เดือนเอง ซึ่งมีความชัดเจนอยู่แล้ว เชื่อว่าสาเหตุที่อยากเลือกตั้งไม่ใช่ว่าอยาก เพราะคนอยากมีเพียงนิดเดียว แต่คนตั้ง 70 ล้านคนยังไม่อยาก เนื่องจากต้องดำเนินการตามโรดแมปของรัฐบาล
ส่วนที่นายกฯ สั่งการให้ตรวจสอบผู้สนับสนุนเบื้องหลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ต้องดูว่ามีการเมืองหนุนหลังหรือไม่ ซึ่งมีคนที่ออกมาพูดเพียงไม่กี่คน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะอยู่ดีมา 4 ปีแล้ว เหลืออยู่ไม่กี่เดือนก็จะเลือกตั้งแล้ว ทำไมต้องทำให้วุ่นวาย
"ขออย่าเดินมาเลย จะเดินมาทำไม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องไปดำเนินการ ส่วนหากมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะกับแกนนำที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ซึ่งแกนนำจะต้องรับผิดชอบ" พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีข้อเสนอของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปลาออกได้อย่างไร ถ้านายกฯ จะลาออก ก็จะลาออกเอง จะไปบังคับได้อย่างไร แล้วท่านทำอะไรผิด เพราะที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองได้ดีอยู่แล้ว ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะไปลาออกได้อย่างไร คนกลุ่มนี้เข้าใจ แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ เหมือนอย่างเช่นสื่อเข้าใจอยู่แล้ว แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ ก็ต้องทำให้เข้าใจต่อไป
วัชระหนุนม็อบ นศ.
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้เรียกประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลพร้อมคำสั่งการไปแล้ว การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบ พบว่ายังไม่มีการยื่นขอร้องขออนุญาตขอชุมนุม แต่ต้องดูว่าชุมนุมที่ไหนด้วย เพราะ พ.ร.บ.ชุมนุมใช้กับที่สาธารณะ แต่ถ้าเขาชุมนุมในที่ส่วนตัว กฎหมายก็คุมไม่ได้ ในเรื่อง พ.ร.บ.ชุมนุม อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นที่ส่วนตัว ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่ถ้าการชุมนุมออกมาพื้นที่สาธารณะ ก็ต้องดูว่าทำผิดหรือไม่ผิด เน้นหนักที่ 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน บังคับใช้กฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ตอบว่า มันแน่นอนอยู่แล้ว ผู้ใช้วานมันอยู่ในหลักกฎหมาย ถือเป็นตัวการ ใครเป็นตัวการ ใครเป็นผู้ร่วมสันติบาลคอยติดตามอยู่แล้ว โดยเฉพาะแกนนำเจ้าหน้าที่เฝ้าจับตามาตลอด ส่วนการข่าวผู้ไม่หวังดีหรือมือที่สามก็มีอยู่บ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน ทางตำรวจยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ขอให้อยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นห่วงกลุ่มนักศึกษาอยากเลือกตั้งที่จะมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ อาจเรียนไม่จบ หรือเมื่อเรียนจบไปแล้วอาจไม่มีคนรับเข้าทำงาน ว่า ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีความเป็นห่วงนักศึกษา แต่ก็เป็นห่วงท่านหัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกฯเช่นเดียวกัน ว่าเมื่อท่านหมดอำนาจแล้วจะลำบาก ไปไหนไม่มีใครยกมือไหว้หรือส่งยิ้มให้ หรือกงเกวียนกำเกวียนซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร ก็อาจเป็นได้ กลุ่มนักศึกษาอยากเลือกตั้งเป็นพฤติกรรมปกติของเยาวชนคนหนุ่มสาวทั่วโลกที่เรียกร้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ ถ้าตนอยู่ในวัยนักศึกษา ก็ต้องไปร่วม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องห่วง เพราะแต่ละคนมีภาวะผู้นำ กล้าพูด กล้าทำ ไม่เกรงกลัวกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมที่ออกมา
อดีต ส.ส.ปชป.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุติบทบาทหรือไม่ เป็นดุลพินิจของท่าน ท่านเป็นคนพูดเองมิใช่หรือว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.เดือน พ.ย.ปีนี้ นักศึกษาเขาก็มาทวงคำตอบเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญทุกประการ จึงควรเปิดใจให้กว้าง ที่ไม่เชื่อว่าจะจัดการเลือกตั้งตามโรดแมป เพราะพูดแล้วเป็นเท็จทุกครั้ง จึงเชื่อถือไม่ได้ แล้วจะไปโทษกลุ่มนักศึกษาว่าทำไมไม่เข้าใจโรดแมปของรัฐบาล เพราะรัฐบาลหลอกลวงประชาชนว่าจะมีการเลือกตั้งมาโดยตลอดนั่นเอง และตนก็ไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ปีหน้า ประวัติศาสตร์การชุมนุมของนักศึกษามีให้ เห็นตั้งแต่พ.ศ.2500, พ.ศ. 2516, พ.ศ.2534 จึงควรมองกลุ่มนักศึกษาอย่างเข้าใจตามสภาพการณ์ของสังคม ขอส่งกำลังใจถึงนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า อยากจะไปให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่จะนัดชุมนุมวันที่ 22 พ.ค.นี้ด้วย แต่ต้องดูก่อนว่าถ้าไปชุมนุมแล้วทำให้พลังเขาอ่อนแอก็ไม่ไป หาว่าการเมืองไปหนุนหลัง แต่ความจริงตนหนุนอยู่แล้ว เชียร์ออกหน้าออกตาด้วย อยากได้อำนาจตัวเอง สิทธิเลือกตั้งคืน แต่คงไม่ขึ้นปราศรัย เพราะเดี๋ยวหาว่าการเมืองหนุนหลัง แค่นี้ยังหาว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงอยู่เบื้องหลัง
ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ภายในสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และข้อหายุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวถึงเจ้าหน้าที่รัฐเตรียมรับมือการชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค.นี้ ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการเตรียมรับมือ ประเมินสถานการณ์ ซึ่งเราก็มีการประเมินสถานการณ์ของเราอยู่เช่นกันว่าเราจะเตรียมรับมืออย่างไร ยืนยันว่าเราแสดงออกโดยสันติ ไม่มีการใช้ความรุนแรง การเดินขบวนของเราเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหวชุมนุมเท่านั้น รวมถึงยกระดับข้อเรียกร้องของเราให้มากขึ้น
"ตอนนี้กังวลเพียงว่าฝ่ายความมั่นคงจะใช้มาตรการที่รุนแรงกับพวกเรามากขึ้น ทั้งการสลายจากเจ้าหน้าที่ หรือการใช้ม็อบชนม็อบเพื่อให้มาปะทะกัน ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ฝ่ายรัฐบาลก็ได้เคยใช้มาโดยตลอด" นายสิรวิชญ์ กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากผู้ต้องหาทั้งหมดได้มารายงานตัว พนักงานอัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องไปเป็นวันที่ 8 มิ.ย.2561 เนื่องจากยังทำเอกสารไม่เสร็จสิ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |